xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ”เย้ย“เหลิม” เก่ง รธน.ทำไมพรรคโดนยุบ - แฉตัวตนกร่างด่าสื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน”ชี้แถลงการณ์ฉบับ 4 พันธมิตรฯ ประจานรัฐบาลนอมินี แก้ กม.ช่วยตัวเองและพวกพ้องให้พ้นผิด จวก “ดร.เหลิม”ชอบใช้วุฒิฯ ข่มคนอื่น ดูถูกคนไม่จบนิติฯ เย้ย เก่งจริงทำไมพรรคโดนยุบ หรือไม่รู้ ม.237 ชี้เอาเข้าจริง ไม่แม่นแม้กระทั่งสิทธิพื้นฐาน ย้อนอดีตตัวตน กร่างด่าสื่อกลางโรงพักเมื่อ 8 ปีก่อน


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์  ช่วงที่ 2

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 26 มีนาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสาวสโรชา พรอุมดศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 4/2551 ว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ เป็นห่วง กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการแทรกแซงการทำงานของสื่อสารมวลชน ตลอดจนแทรกแซงและตัดตอนกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาลที่รัฐบาลชุดนี้พยามทำอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ก็ยังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่มีเอาไว้เพื่อป้องกันและลงโทษนักการเมืองมิให้ทุจริตในเลือกตั้ง ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเจ้าเล่ห์เพทุบายซึ่งใช้เงินเพื่อให้ได้อำนาจมาปกครองบ้านเมือง และให้พรรคการเมืองทุกพรรครับผิดชอบด้วยการสรรหาบุคคลที่จะไม่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมาเป็นหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค

มาตราดังกล่าวยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งในระบอบประชาธิปไตยให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยการกำจัดนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ทางการเมือง และปกป้องรักษานักการเมืองที่สุจริตให้มีโอกาสเข้ามาบริหารบ้านเมือง ดังนั้นหากบุคคลใด หรือพรรคการเมืองใด ต้องการลบล้างบทลงโทษตามมาตรา 237 ย่อมเท่ากับเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยให้อ่อนแอและเสื่อมทรามลงอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกันรัฐบาลยังพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 309 โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อที่จะยกเลิกองค์กรและทำให้การกระทำของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นโมฆะ การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า เจตนาปกป้องและทำทุกวิถีทางไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว เข้าสู่การพิจารณาคดีในชั้นศาล แสดงออกถึงความขลาดกลัวในการพิสูจน์ตัวเอง และหลบหนีการตรวจสอบในชั้นศาลอย่างน่าอัปยศอดสูที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

**แถลงการณ์พันธมิตรฯ ประจานรัฐบาลนอมินี

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้น มาจากการลงประชามติของประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ แม้รัฐบาลจะมาจากการรวมตัวกันของหลายพรรคการเมือง แต่ทุกพรรคการเมืองก็มิได้ชูนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตน ดังที่พยายามกระทำกันอยู่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตามอำเภอใจเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองที่กระทำผิดกฎหมายต่อบ้านเมือง จึงถือเป็นการไม่เคารพและไม่ยอมรับประชาชนชาวไทยที่ลงประชามติเห็นชอบรัฐธรรมนูญกว่า 14 ล้านเสียง

ดังนั้นจึงเป็นสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลไม้ให้ทำการลุแก่อำนาจ อย่าพยายามหาหนทางเพื่อล้างมลทินให้แก่ตนเอง แถลงการณ์ของพันธมิตรฯ จึงเปรียบเหมือนการประจานสิ่งที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการแก้ไขเพื่อพวกพ้องที่สำคัญวันนี้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติกำลังร่วมทำลายอำนาจตุลาการ หวังตัดตอนไม่ให้มีอำนาจในการตรวจสอบ ไม่ว่าจะแก้ไขกฎหมาย หรือการโยกย้าย เป็นการร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย เป็นการใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภา เพื่อบิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พยายามแก้ไขกฎหมายไม่ให้ตัวเองผิด หรือหลีกหนีสิ่งที่ตัวเองกระทำความผิดสำเร็จไปแล้ว

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวด้วยว่า การกระทำแบบนี้เป็นมาตรฐานที่น่าเป็นห่วง สังคมไทยในการถ่วงดุลอำนาจโดยระบบรัฐสภา ตุลาการ และบริหาร กำลังถูกเบี่ยงเบน จนอาจเกิดการล่มสลายในระบอบประชาธิปไตยได้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคงเลวร้ายไม่ต่างอะไรไปจากการรัฐประหาร คือหากรัฐประหารทำทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จในองค์กรเดียว รัฐบาลที่คุมเกมในวันนี้ ก็กำลังทำในสิ่งที่ไม่ต่างอะไรกัน เป็นความชั่วร้ายที่แตกต่างกัน ทหารใช้ปืนยึดอำนาจ แต่นักการเมืองใช้เงินยึดอำนาจ เป็นความชั่วร้ายพอๆ กัน เพียงแต่มีความแนบเนียนแตกต่างกัน

** สวน “เหลิม”จบดอกเตอร์ไมได้แปลว่าเก่งจริง

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ เปรียบเทียบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ว่าเป็นเป็ดเพราะทำอะไรก็ไม่ได้ดีสักอย่างนั้น ความจริงนายสนธิไม่ได้ให้ราคา ร.ต.อ.เฉลิมและไม่อยากจะพูดถึงคนๆ นี้เท่าไหร่นัก แต่เมื่อนักข่าวมาถาม ก็เลยต้องตอบ

ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ท้าโต้วาทีออกโทรทัศน์กับ 5 แกนนำพันธมิตรฯ เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเอาเอกสารเข้าไปอ่าน และอ้างว่าแกนนำพันธมิตรฯ ไม่มีใครรู้เรื่องรัฐธรรมนูญจริง เพราะนายสนธิ ก็จบประวัติศาสตร์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานยกร่างรัฐธรรมนูญก็จบจากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จ จะรู้เรื่องรัฐธรรมนูญได้อย่างไร นั้น ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ตามปกติแล้วคนที่มีความรู้จริงจะไม่โอ้อวด แต่ ร.ต.อ.เฉลิมมักจะยกปริญญาเอกด้านกฎหมายขึ้นมาพูดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ซึ่งการดูแคลนว่าคนที่ไม่ได้จบนิติศาสตร์ไม่รู้เรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าดูถูกคนที่ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญด้วย

ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า คำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิมเหมือนกับเป็นการบอกว่าคนที่ไม่จบนิติศาสตร์ไม่ควรมาแสดงความคิดเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนที่เป็นห่วงปัญหาของบ้านเมืองไม่จำเป็นต้องท่องจำรัฐธรรมนูญได้ทั้งฉบับ แต่เขามีสำนึกและรู้หน้าที่ของเขาเอง ถ้าจะทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องไหน ก็เอารัฐธรรมนูญมาเปิดดูได้

“ถ้าคนที่จบปริญญาเอก นิติศาสตร์ อย่างคุณเฉลิมเก่งจริง ทำไมพรรคไทยรักไทยจึงถูกยุบ การจบปริญญาเอก ไม่ได้แปลว่า จะทำให้จิตใจของเขามีความยุติธรรม แต่คนที่สุจริตใจต่างหากที่จะทำการทุกอย่างให้เป็นไปตามความยุติธรรม”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า คนที่สนใจการเมืองไม่จำเป็นต้องจำรัฐธรรมนูญทุกมาตรา แต่จำแค่มาตราที่สำคัญๆ ก็พอแล้ว เช่น จำแค่ มาตรา 237 ก็จับได้ว่า มีกรรมการบริหารพรรคการเมืองทำผิด ต้องยุบพรรค และกำลังจะมีการแก้มาตรานี้เพื่อลบล้างความผิด หรือ มาตรา 309 ที่กำลังจะมีการแก้ไขเพื่อล้ม คตส.ที่กำลังตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นของระบอบทักษิณ

** เก่งกฎหมายทำไมพรรคโดนยุบ

สำหรับ น.ต.ประสงค์นั้น ก็สามารถที่จะเข้าใจและรู้รัฐธรรมนูญด้วยการศึกษาเพิ่มเติม แค่วุฒิการศึกษาที่ได้รับไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าใครดีใครเก่ง บางครั้งคนที่ดูว่ามีการศึกษา แต่ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็กลายเป็นคนไร้สติ ท้าทายคนอื่นไปทั่ว ร.ต.อ.ชอบอ้างถึงการเลือกตั้ง ทั้งที่ความจริง ถ้า ร.ต.อ.เฉลิมลงเลือกตั้งตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะได้รับเลือกหรือไม่ เพราะเคยเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แล้วแพ้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ มาแล้ว

“กิเลสต่างหากที่สำคัญ ไม่มีเกี่ยวกับวุฒิการศึกษา ถึงจบดอกเตอร์มาถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องโดนยุบทั้งพรรค คนเป็นโจรใส่สูทก็มีเยอะ เพราะฉะนั้นการศึกษาไม่วัดอะไรมากนัก อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ถ้าจบด้านรัฐธรรมนูญแล้วมีความรู้ทางกฎหมายจริง มาตรา 237 ที่บอกว่าถ้ากรรมการบริหารทำผิดจะยุบพรรค ทำไมไม่รู้”

**ย้อนอดีต แฉตัวตน “เหลิม”

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ ได้ย้อนเหตุการณ์ในอดีตที่แสดงตัวตนของ ร.ต.อ.เฉลิม โดยเป็นยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2543 ซึ่งในวันนั้น นายดวงเฉลิม อยู่บำรุง ลูกชายของ ร.ต.อ.เฉลิมมีเรื่องทะเลาะวิวาท ต้องขึ้นโรงพัก สน.ทองหล่อ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมได้ขึ้นไปบน สน.ด่าว่า สน.ทองหล่อบัดซบ เมื่อนักข่าวผู้สื่อข่าว นสพ.เดลินิวส์ถามว่าเรื่องนี้ นายวันเฉลิม ลูกชายอีกคนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมได้แสดงอาการไม่พอใจ และด่ากลับไปว่า “ทุเรศ” “อย่าทะลึ่ง” และขู่จะฟ้อง รวมทั้งพูดถึงเจ้าของ นสพ.เดลินิวส์โดยมีคำว่า “ไอ้”นำหน้า

ชมวิดีโอคลิป “เฉลิม”คลั่งด่าสื่อ(56K) |(256K)

ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวเตือน ร.ต.อ.เฉลิมว่า ทุกคนสิทธิเท่าเทียวกัน แต่บทบาทไม่เหมือนกัน สื่อมวลชนมีหน้าที่ถาม และ ร.ต.อ.เฉลิมมีหน้าที่ตอบ ถ้ามั่นใจว่าพิสูจน์ได้ว่าตัวเองไม่ผิด ก็ไม่ต้องกลัวคำถาม พันธมิตรฯ ก็เช่นเดียวกัน มีสิทธิที่จะเคลื่อนไหว แสดงความคิดเห็นต่อบ้านเมือง และตรวจสอบรัฐบาลตามสิทธิที่ทำได้ โดยที่เขาไม่ได้แสวงหาอำนาจ หรือเข้าสู่อำนาจรัฐ แบบนักการเมืองหรือคนอื่นๆ

**แค่สิทธิพื้นฐานยังจำไม่ได้

ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ขู่ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดหากขนคนมาร่วมสัมมนาพันธมิตรฯ ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญแล้วทุกคนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะมาร่วมฟังการสัมมนา ไหนว่า ร.ต.อ.เฉลิมแม่นรัฐธรรมนูญ แต่สิทธิขั้นพื้นฐานแค่นี้กลับไม่แม่นเลย สิทธิของประชาชนนั้นสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ หรือจะจัดรถให้คนไปร่วมสัมมนาที่ไหนก็ได้

ในตอนท้ายผู้ดำเนินรายการได้แจ้งว่า ในเวทีสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ” ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 28 มี.ค.นี้ นายอังคาร กัลยาณพงษ์ และนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ 2 ศิลปินแห่งชาติ จะไปขึ้นเวทีเพื่ออ่านบทกวีด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับนายสุรชัย จันทิมาทร ที่จะไปแสดงดนตรีแล้ว เท่ากับว่าในวันดังกล่าวจะมีศิลปินแห่งชาติไปร่วมงานถึง 3 คน






กำลังโหลดความคิดเห็น