คตส.ไม่สนรัฐบาล “หุ่นเชิด” แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ชี้ กรรมชี้เจตนา ระบุสังคมจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าทำเพื่อใคร “อุดม” ยันไม่หวั่นไหว
วันนี้ (26 มี.ค.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพื่อยกเลิกคำสั่งหรือกฎหมายใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2549 ที่อาจจะส่งผลต่อเนื่องทำให้การทำหน้าที่ของ คตส.เป็นโมฆะ ว่า ไม่ขอออกความเห็นในเรื่องนี้ เพราะยังไม่มีเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ดังนั้นเมื่อยังไม่มีการแก้ไข คตส.ก็ต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่ตามอำนาจของกฎหมายที่ได้มอบอำนาจให้
เมื่อถามว่า สาเหตุที่รัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมูญเพราะมาตรา 309 ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายอุดม กล่าวว่า ต้องเข้าใจหลักของกฎหมายว่า เมื่อมีการประกาศใช้แล้วย่อมมีผลบังคับเกิดขึ้น ดังนั้น การแก้ไขกฎหมายจึงมีหลักการเพียงสองอย่าง คือ หาข้ออ้างเพื่อต้องการให้การแก้ไขกฎหมายเกิดผล กับการหาข้ออ้างเพื่อไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย หรือไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนผลจะออกมาอย่างไรกรรมจะเป็นเครื่องชี้เจตนา
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 309 เพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายอุดม กล่าวว่า เป็นเรื่องของการเมือง คตส.ไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองได้ เพราะที่สุดแล้วผลของการแก้ไขกฎหมายจะออกมาอย่างไร สังคมจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าการแก้ไขกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่
เมื่อถามว่า หากมีการแก้ไขจริงจะส่งผลต่อการทำหน้าที่ คตส.หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ต้องรอให้มีการแก้ก่อน แต่ขณะนี้ คตส.ยังถือว่าต้องปฏิบัติของอำนาจ และขอบเขตของกฎหมายด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้คดีที่อยู่ในความรับผิดชอบส่งถือศาล ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาเพียง 3 เดือน ดังนั้น จึงต้องทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ คตส.หวั่นไหว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เพราะ คตส.ยึดตามหลักเกณฑ์และกติกาของกฎหมาย
“นาม”ลั่นแก้ ม.309 ไม่กระทบ เพราะไม่เคยกลั่นแกล้งใคร
ด้านนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐ (คตส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลเตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพื่อเปิดทางให้ฟ้องร้ององค์กรที่แต่งตั้งขึ้นโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ว่า คงไม่สามารถให้ความเห็นอะไรได้ เพราะไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่า จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรานี้ จริงหรือไม่ และก็ยังไม่ได้ศึกษาว่าหาแก้ไขไปแล้วจะสั่งผลกระทบอะไรต่อ คตส. บ้าง
“โดยส่วนตัว มองว่า ไม่ว่าจะมีการแก้ไขอย่างไร ก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อ คตส. เพราะที่ผ่านมา คตส.ก็ทำงานตามหน้าที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้ง หรือให้ร้ายใคร อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด อะไรถูกก็ว่าไปตามถูกอยู่แล้ว และปัจจุบันกฎหมายก็เปิดช่องให้ฟ้องร้อง คตส.ได้ โดยการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่แล้ว” นายนาม กล่าว
นายนามกล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ จะมีผลย้อนหลังต่อการทำงานของ คตส.หรือไม่ เชื่อว่าคงไม่ผลอะไรย้อนหลังได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าคนไปตัดต้นไม้ แล้วผิด ต่อมามีการแก้ไขกฎหมายว่า การตัดต้นไม้ไม่ผิด ก็ไม่ได้หมายความว่า จะพ้นจากความผิดในส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
แหล่งข่าวจาก คตส.กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะดำเนินการอะไรก็ตาม แต่ในส่วนของ คตส.ขณะนี้ มีหน้าที่เพียงอย่างเดียว ก็คือ การนำคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบไปส่งให้ถึงศาล ให้ทันก่อนกำหนดอายุงานในเดือนมิถุนายน 2551 นี้ เพราะหากคดีของ คตส.ส่งถึงศาล ก็ไม่มีใครสามารถที่จะมาหยุดไม่ให้มีการพิจารณาคดีความได้ ทุกอย่างจะหยุดลงก็ต่อเมื่อมีคำพิพากษาแล้วเท่านั้น
“เราจึงเห็นได้ว่า ขณะนี้ มีความพยายาม หลายรูปแบบที่จะหยุดยั้งไม่ให้ คตส.ทำงานสำเร็จ โดยเฉพาะการนำคดีไปส่งถึงศาล และเราก็จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อปฎิบัติภาระกิจให้สำเร็จ” แหล่งข่าวระบุ
รายงานข่าวจาก คตส.แจ้งว่า สำหรับความคืบหน้าการไต่สวนคดีการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานครนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ คตส.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานงานขอความร่วมมือให้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ ของนายแม็ก มาริโอ มินาร์ ผู้แทนบริษัทสไตเออร์ ดัมเลอร์พุต ในประเทศออสเตรีย หนึ่งในผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาคดีนี้ เพื่อที่ คตส.จะได้ ทำหนังสือแจ้งให้ใช้สิทธิ์การคัดค้านรายชื่อคณะอนุฯ คดีนี้
/0110