“หมัก” อ้ำอึ้งไม่กล้าแจงนโยบายดับไฟใต้ต่อที่ประชุมสภา อ้างเดี๋ยวคนร้ายรู้ทัน ปากดีไม่ยอมกระโดดงับเหยื่อฝ่ายค้านเพื่อตกเป็นเครื่องมือเล่นการเมือง “สุเทพ” แขวะไม่พูดก็ดี ดีกว่าพูดครึ่งๆ กลางๆ ให้คนสับสน
วันนี้ (20 มี.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้มีการตั้งกระทู้ถามสด เรื่อง การแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ถาม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
นายสุเทพ กล่าวว่า การแก้ปัญหาใต้เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และมีความสับสนอย่างมาก ตนอยากถามหาผู้รับผิดชอบในการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมีการโยนภาระการรับผิดชอบระหว่าง มหาดไทย กับ กองทัพ จึงอยากถามว่าผู้ที่จะมีหน้าที่รับผิดชอบสูงสุดในการดูแลแก้ไขปัญหาใต้ เป็นใครกันแน่ เป็นนายกฯ หรือ รมว.มหาดไทย หรือมอบหมายให้รองนายกฯ คนใดคนหนึ่ง หรือมอบหมายผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นรับผิดชอบ
นายสมัคร ตอบเพียงสั้นๆ ว่า เป็นความรับผิดชอบของนายกฯ ทั้งหมด และมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้วด้วย
นายสุเทพ ถามต่อว่า ช่วงที่มีการหาเสียง พรรคพลังประชาชน ประกาศว่า จะสานต่อนโยบายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกอย่าง จึงเกิดข้อสงสัยว่ารัฐบาลจะยึดยุทธศาตร์และนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณด้วยหรือไม่ หากใช่ คือ ทั้งหมด หรือบางส่วน หากไม่ใช่รัฐบาลนี้จะใช้ยุทธศาสตร์อะไร
นายสมัคร ตอบว่า พรรคไม่เคยบอกว่าจะเอานโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องใต้มาทำ แต่รัฐบาลที่แล้วได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขนโยบาย และมีการมอบหมายให้คนดำเนินการ แต่หลังจากที่ตนได้มาเป็นรัฐบาล ผู้บัญชาการทหารบกก็รับหน้าที่เบื้องต้น ก็ไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไร ตนก็รับผิดชอบในส่วนของตน แต่จะให้ชี้แจงรายละเอียดว่าทำอะไร เพราะเกรงว่าผู้ก่อการร้ายนั่งฟังจะรู้หมด ขณะนี้บอกได้เพียงว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง การดำเนินการร้ายๆ ก็มีระยะห่างขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนทำจะเสียรังวัดเอง เพราะเป็นการทำกับคนนับถือศาสนาเดียวกันและในสถานที่ดีดี แต่ผู้รับผิดชอบได้ประสานงานกันอยู่แล้ว ตนขอไม่เอาวิธีการดำเนินงานมาเปิดเผย เพราะเกรงว่าจะเป็นการทำให้รู้แนวทางได้
นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า สาเหตุที่ทำให้ความรุนแรงขยายตัวเป็นวงกว้าง และพัฒนาความรุนแรงขึ้น ไม่ใช่แต่เรื่องของความกดดันในการแบ่งแยกดินแดนเท่านั้น แต่เป็นเพราะไม่พึงพอใจที่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจากรัฐบาล ดังนั้น การอำนวยความยุติธรรมเป็นหนึ่งในยุทธศาตร์ที่ต้องทำให้ชัดเจน เมื่อไม่ประสงค์จะพูด ถือเป็นเรื่องของนายกฯ แต่รัฐธรรมนูญ มาตรา 178 ในการบริหารราชการแผ่นดินต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และทำตามนโยบายที่ได้แถลงกับสภา และรับผิดชอบต่อสภา ด้วย
นายสุเทพ ถามว่า การเสนอกฎหมายใหม่ หรือต้องแก้ไขปรับปรุงหลายฉบับ องค์กร ต้องขอความร่วมมือจากสภา แต่ผ่านมาเดือนกว่า ไม่เห็นความชัดเจน ได้กำหนดตารางเวลาในการทำงานสร้างเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อบรรลุความสำเร็จอย่างไร กฎหมายที่ตราขึ้นใหม่ หรือจะแก้ไข จะเสนอต่อสภาฯ เมื่อใด เช่น พ.ร.บ.สำนักงานบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สบ.ชต.) ไม่แน่ใจว่าจะเสนอหรือไม่ และคาดหมายว่ากฎหมายนี้จะผลักดันจนถึงขั้นประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อไหร่ รวมทั้ง คิดว่า ศ.อบต.จะทำสำเร็จเมื่อใด จะรายงานผลการปฏิบัติงานต่อสภาฯ เมื่อไหร่ ทุก 3 เดือน 6 เดือน หรือปีละหน
นายกฯกล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวที่ฝ่ายค้านเสนอเข้ามาเป็นกฎหมายการเงิน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายกำลังดูอยู่ เมื่อดำเนินการเสร็จก็จะนำเข้าสู่สภา ทุกคนทำหน้าที่อยู่ ได้รู้และเข้าใจหน้าที่หมดแล้ว และวิธีการที่ดีที่สุด คือ ไม่กระโดดแสดงความคิดเห็น จากที่ประชุมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าเก่า เมื่อเดินมาด้วยดี เรียบร้อย และงานบรรเทาเบาบางลง ตนจะส่งเอกสารไปให้สมาชิกดูเพื่อเปรียบเทียบว่า ก่อนหน้าที่จะเข้ามาทำงาน และหลังการเข้ามาทำงานเป็นอย่างไร
“ผมก็จะไปตรวจกฎหมายดูจะบังคับรัฐบาลให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ความจริงไม่ต้องบังคับก็ทำอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาถ้าฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย เพราะฝ่ายรัฐบาลมีเสียงข้างมากอยู่แล้ว รัฐบาลอยู่ได้เพราะเสียงข้างมากผ่านให้รัฐบาล ส่วนจะเสนอกฎหมายเมื่อใด หรือจะทำอะไร ไม่อยากพูดให้ระคายหู หากมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ก็โปรดให้ความร่วมมือด้วยการไม่ทำให้เอิกเกริก ผมไม่ต้องแสดงความคิดเห็นถ้ามีอะไรที่แถลงได้ก็จะแถลงนั่นคือวิธีการแก้ปัญหา ไม่ใช่ใครมานั่งถามก็ตอบ รัฐบาลนี้มีความคิดพอที่จะไม่ตกหลุมให้ใครมาใช้สภาฯ เป็นเครื่องมือในการสอบถาม เพื่อรักษาสถานการณ์ที่มีความคืบหน้าที่เราทำไว้ให้ดีอยู่แล้ว” นายสมัคร กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้หวังใช้สภาฯ มาหลอกถามนายกฯ แต่ถามเพราะประชาชนกังวลทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่เข้าใจ และสับสน ตนอยากให้นายกฯ ไปทบทวนด้วยสติให้ดี ที่ถามนั้นไม่ได้มีเจตนาร้าย เรามีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมืองเหมือนกันเพียงแต่ต่างวาระ ต่างสถานภาพกันเท่านั้น นายกฯจะไม่พูดอะไรก็เป็นสิทธิ แต่ประชาชนต้องการคำตอบ ไม่พูดอะไรเลยก็ดีกว่าพูดมากแล้วทำให้คนสับสน แต่หลายครั้งที่นายกฯ พูดไว้ครึ่งๆ กลางๆ ให้คนไปตีความทำให้เกิดความเสียหายไปกันใหญ่ เช่น เรื่องไปเจรจาหรือไม่ไปเจรจากับคนข้างนอกข้างใน คนก็สงสัยตกลงปัญหา3จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกฯ คิดว่าเป็นปัญหาภายในประเทศ ที่เราต้องจัดการกันเอง หรือเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เพราะพูดครึ่งๆ กลาง อยากให้ตอบให้ชัดเจน ตนไม่ใช่ส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายก่อการร้าย ไม่มีในซีกฝ่ายค้าน แต่ซีกอื่นตนไม่ทราบ