“จตุพร” ปรับกลยุทธ์พร้อมรับมือพันธมิตรฯเคลื่อนไหว ลั่นจัดม็อบชนแน่อ้างกลุ่มต้านเผด็จการ จี้ สนธิ แจงที่มาของเงินใช้ชุมนุมทักษิณออกไป 400 ล้านบาท แกว่งปาก “อภิรักษ์” สร้างภาพ หวังใช้ม้าแลกขุน กดดันหมัก ยุติบทบาทนายกฯ
วันนี้ (13 มี.ค.) นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศยุติการทำหน้าที่ชั่วคราว ภายหลังถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง ว่า เหมือนกับเป็นการเอาม้ามาแลกกับขุน ซึ่งเป็นการวางเกมการเมืองเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้น เพื่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง พยายามจะกดดัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขณะที่ นายอภิรักษ์ เองก็พยายามทำให้ดูเหมือนว่า มีสปิริต ทั้งๆ ที่ นายอภิรักษ์ ได้ประโยชน์ใน 2 สถานะ คือ 1.มีเวลาไปหาเสียงผู้ว่าฯ กทม.และ 2.ทำให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ดี
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้เกิดสุญญากาศทางการเมือง ในสภา ภายหลังจากที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยุติการทำหน้าที่ชั่วคราว นายอภิรักษ์ ก็มาฉวยจังหวะพักงานในช่วงนี้ ทำให้ กทม.ว่างงาน และพยายามจะให้มีผลต่อนายสมัคร เพื่อให้ยุติหน้าที่นายกฯชั่วคราวด้วย ขอตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ ชื่อของ นายอภิรักษ์ ไม่ได้อยู่ในคดีนี้ตั้งแต่ต้น เรื่องนี้เหมือนกับกรณีหวยบนดินที่ คตส.ทำตัวเหมือนเด็กแว้น ไปฟ้องร้องเองโดยใช้ทนายความ และพยายามโยงกฎหมายมาตรา 55 จนมีการกดดันให้ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ต้องลาออก เพื่อเป็นการกดดัน นายสมัคร เราอ่านเกมออก และจะไม่ยอมให้ คตส.เอาตำแหน่งมาใช้ในเกม เพราะคนที่ควรลาออก คือ คตส.ซึ่งเป็นซากเดนประชาธิปไตย
นายจตุพร ยังกล่าวถึงการประกาศชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 28 มีนาคม ว่า ต้องถามกลับว่า คนที่ถูกศาลสั่งจำคุก 3 คดี 7 ปี ยังมีหน้าเรียกตัวเองว่ายามเฝ้าแผ่นดิน อีกหรือ นอกจากนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ควรที่จะตอบคำถามเรื่องเงินที่นำมาใช้ในการชุมนุมด้วย เพราะประกาศเองว่าหมดเงินในการลงทุนมากกว่า 400 กว่าล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตนไม่กลัวการชุมนุม และมีบทเรียนในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย จึงรู้ว่าแนวทางของกลุ่มพันธมิตรฯใช้วิธีการปล่อยข้อมูลเท็จ ดังนั้น หากมองหน้าฉากพันธมิตรฯจึงไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัว คือ กลไลที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังของกลุ่มพันธมิตรฯที่พยายามทำให้เกิดบรรยากาศเดียวกันก่อน 19 กันยายน 2549 ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นอดีตแกนนำ นปก.ขอประกาศว่า จุดยืนของ นปก.คือ การต่อต้านเผด็จการ ดังนั้น วันใดก็ตามที่กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนไหว กลุ่มคนที่รักประชาธิปไตยก็จะเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน
