คตส.ยันมีอำนาจเต็มเท่า ป.ป.ช. ร่อนหนังสือถึง “หมัก” จัดการ 3 รมต.เอี่ยวหวยบนดิน ตาม กม.ป.ป.ช.มาตรา 55 ย้ำหากไม่ทำถือว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่
วานนี้ (10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระสำคัญคือการพิจารณาส่งหนังสือถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้ทราบว่า คตส.ได้มีมติสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหา 47 คน ในคดีการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือ หวยบนดิน ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเรียบร้อยแล้ว โดยในจำนวนผู้ถูกกล่าวหามีรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงปฏิบัติหน้าที่ในรัฐบาลด้วย
ภายหลังการประชุม นายนามเปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติลับส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้ทราบว่า คตส.ได้ส่งฟ้องจำเลยที่เกี่ยวข้องกับคดีหวยบนดิน ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องเป็น 3 รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยมีการะบุถึงอำนาจของ คตส.ว่าเทียบเท่ากับ ปปช.และมีการระบุถึงกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 55 ด้วย
ทั้งนี้ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.ในฐานประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีหวยบนดิน กล่าวว่า ใจดหมายเป็นการแจ้งให้ทราบว่า คตส.ได้ส่งฟ้องจำเลยที่เกี่ยวข้องกับคดีหวยบนดิน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่านับจากนี้ไปจะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ โดย คตส.ได้แนบข้อกฎหมายประกอบการพิจารณาด้วย ส่วนจะปฏิบัติหรือไม่ เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบจะต้องให้ดุลพินิจว่าจะดำเนินการอย่างไร กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับคดี และต้องเป็นนผู้รับผิดชอบเอง เพราะ คตส.ไม่มีหน้าที่ในการให้ความเห็นทางกฎหมาย ซึ่งอาจจะกลายเป็นช่องทางของบุคคลบางกลุ่มที่จะทำให้กระบวนยืดเยื้อออกไป ดังนั้น คตส.ทุกคนจึงไม่ขอออกความเห็นในเรื่องนี้
นายอุดม กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการหารือข้อกฎหมายโดยเห็นตรงกันว่า มติของ คตส.มีอำนาจเท่ากับมติของ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นไปตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ข้อ 5 และ ข้อ 9 ส่วนที่ระบุว่า ที่มาของ คตส. ไม่ถูกต้องเพราะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่แล้วนั้น ตามข้อเท็จจริง คตส.สามารถทำงานต่อเนื่องได้ตามกฎหมาย ต่ออายุการทำงานของ คตส.ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.51
นายสัก กอแสงเรือง โฆษ กคตส.แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้รับทราบถึงกรณีที่ทีมทนายความยื่นฟ้องคดีหวยบนดินต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โดยได้รับเลขคดีหมาเลขดำที่ อม.1/2551 นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ถูกคตส.มีมติว่าข้อกล่าวหามีมูล และยื่นฟ้องคดีต่อศาล จะต้องถูกดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.มาตรา 55 หรือไม่ เพราะถ้าไม่พิจารณาอาจก่อปัญหาต่อรัฐ หากผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยไปดำเนินการในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเรื่องใดเรื่องหนึ่งก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา จึงได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายบริหาร และมีหน้าที่ดูแลเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ต่อไปถือเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี คตส.ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณา แต่ถ้า คตส.ไม่ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีก็จะถูกกล่าวหาว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่
เมื่อถามว่าหากนายกรัฐมนตรีไม่พิจารณาจะทำอย่างไร นายสัก กล่าวว่า “ต้องถามนายกรัฐมนตรี ผมตอบแทนไม่ได้ ปัญญาผมมีเท่านี้ครับ มติ คตส.ก็มีเท่านี้ครับ”
เมื่อถามว่า คตส.ได้หารือถึงขอบเขตอำนาจของ คตส.เทียบเท่ากับ ป.ป.ช.อย่างไร นายสัก กล่าวว่า การทำหน้าที่ของคตส.เป็นไปตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ข้อ 5 ที่ระบุให้ คตส.ใช้อำนาจหน้าที่เทียบเท่ากับ ป.ป.ช. โดยมีผลตามกฎหมาย เมื่อคตส.มีมติเกิดขึ้นผลของกฎหมายก็เป็นไปตามมติของ ป.ป.ช. ตามมาตรา 55
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่ คตส.ทำถึงนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยจดหมาย 3 แผ่น พร้อมหนังสือของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย ในการร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เกี่ยวข้อง และมีการแนบรายชื่อ 47 ผู้ถูกกล่าวหาไปด้วย นอกจากนี้ในช่วงท้ายของหนังสือมีการแยกบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในปัจจุบันจำนวน 9 ราย แบ่งเป็นรัฐมนตรี 3 ราย คือ 1.นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคา 2. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และ 3.นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน ส่วนเจ้าหน้ารัฐอีก 6 ราย เป็นข้าราชการระดับสูง คือ 1.นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง 2.นายชัยฤกษ์ ดิษอำนาจ อธิบดีกรมที่ดิน 3.นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 4.นางอรอนงค์ มณีกาญจน์ เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง 5.นายบัณฑูร สุภัควณิช เจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณ และ 6.พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ