“จรัญอ” เตือนรัฐบาลอย่ามัวแต่คิดจ้องล้างแค้น ให้มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เลิกผลประโยชน์ทับซ้อน เหลิงอำนาจ รวมทั้งอย่ามอบให้คนไร้วุฒิภาวะใช้อำนาจ เชื่อหากทำได้จะได้รับการยอมรับ
วันนี้ (8 มี.ค.) สถานีวิทยุ อสมท เอฟเอ็ม 96.5 คลื่นความคิด จัดเสวนาหัวข้อ “คิดเพื่ออนาคต ถอดโจทย์ประเทศไทย” มีผู้ร่วมอภิปรายประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายจรัญ กล่าวว่า ท่ามกลางความแตกแยกที่เกิดขึ้นในหลายวงการขณะนี้ รัฐบาลต้องมุ่งมั่นแสดงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน เพราะประชาชนต้องการเห็นรัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมากที่สุด อย่าเพิ่งมุ่งคิดบัญชีล้างแค้น ลด ละ เลิก พฤติกรรมผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งรัฐบาลไม่ว่ารัฐบาลไหน รวมถึงระบบราชการ ซึ่งเป็นผู้คุมอำนาจ เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ อย่าเหลิงอำนาจ หลงยึดติด จนลืมความชอบธรรม หากรัฐบาลทำได้ จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ด้วยดี ลดปัญหาความแตกแยก สร้างความสามัคคีในชาติ และท้ายที่สุดประชาชนจะค่อยๆ ให้การยอมรับ
ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การบริหารราชการของรัฐบาลต้องใจแข็ง อย่ามอบอำนาจให้กับคนที่มีวุฒิภาวะไม่เพียงพอ เพราะจะทำให้การใช้อำนาจนั้นย้อนกลับมาทำลายรัฐบาล พรรคการเมือง และประเทศไทย ที่ผ่านมาการทุจริตที่เกิดจากผลประโยชน์ทับซ้อน ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤต เกิดภาวะชะงักงันขึ้นในบ้านเมือง เป็นช่องให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร หากผู้มีอำนาจเสียสละประโยชน์ส่วนตัว เชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้
“ในการบริหารเมื่อมีอำนาจแล้วจะอ้างว่าเป็นอำนาจที่ทำถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ได้ ต้องสนใจผลกระทบที่เกี่ยวข้องในเรื่องอื่นๆ ด้วย จึงอยากขอให้ผู้ใช้อำนาจในทุกระดับ ขอให้มีศิลปะในการใช้อำนาจว่าจะใช้อย่างไร ให้สมเหตุสมผล และเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับบทบาทผู้นำจะต้องไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด เพื่อที่จะไม่ก่อให้เกิดเป็นเงื่อนไข ในการต่อต้านรัฐบาล รวมถึงไม่แทรกแซงกระบวนการตรวจสอบอื่นๆ ด้วย เช่น วุฒิสภา องค์กรอิสระ” นายจรัญ กล่าว
ด้าน นายปริญญา กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญไทย มีการร่างขึ้นใหม่หลายฉบับ โดยมาจากการปฏิวัติ 8 ฉบับ ซึ่งไม่มีใครมั่นใจว่าจะไม่มีการปฏิวัติเกิดขึ้นอีก ประเทศไทยอยู่ในภาวะเดินหน้าต่อไปก็ไปไม่ถูก ถอยหลังก็ไมได้ ดังนั้น อนาคตของประเทศไทยอยู่ตรงไหน เราจำเป็นต้องหาทางแก้ไขให้ถูกที่ เพราะหากไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ เชื่อว่าไม่เกิน 3 ปีจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น จนถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ ดังนั้น ต้องหาสาเหตุให้เจอ ซึ่งจะสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์รุนแรงได้ และจะได้รัฐบาลที่มีความสามารถทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา กล่าวว่า สำหรับทางแก้ไขต้องสร้างระบบการตรวจสอบถ่วงดุล ไม่ให้ใครมีอำนาจเกินไป ถึงแม้มีองค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบ แต่เราก็ต้องยอมรับว่า การเมืองไทย ยังเป็นการผูกติดอำนาจของพรรคการเมือง ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มาจากประชาชนเลือกโดยตรง แต่มาจากการโหวตของส.ส.ข้างมาก ดังนั้น ผู้ที่มี ส.ส.ข้างมากก็คือหัวหน้าพรรค เลยทำให้พรรคมีอำนาจครอบงำในระบบรัฐสภา ซึ่งระบบรัฐสภานี้ถือเป็นจุดอ่อนของการเมืองประเทศไทยที่ยอมให้พรรคการเมืองครอบงำผู้แทนประชาชนได้
/0110