“สุเมธ” สอนมวย “ยุทธ ตู้เย็น” อาจเข้าใจผิด แจงยกร่างคำฟ้องเป็นหน้าที่ของจนท.ที่เป็นเจ้าของสำนวน เย้ยขอตัว “สมชัย” ร่วมเป็นพยานก็ไร้ประโยชน์ เพราะขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ขณะเดียวกัน ไม่หวั่นม็อบต้านห้ามส่งสำนวนไปศาล
วันนี้ (29 ก.พ.) นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งสำนวนของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลฎีกาพิจารณาว่า ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่พยายามทำให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์นี้ ส่วนที่ นายยงยุทธ ยื่นหนังสือขอไม่ให้กรรมการชุดที่ นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นผู้ทำรายงานสำนวนเสนอต่อศาลฎีภา เพราะอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ได้พิจารณาแล้วคิดว่า นายยงยุทธ คงเข้าใจผิด หรือมีคนให้ข้อมูลที่ผิดพลาดไปเพราะอนุกรรมการชุดนี้ กกต.เป็นผู้เลือกสรรหา โดยเฉลี่ยให้กรรมการแต่ละคนมีอนุกรรมการที่ตนเสนอชื่ออยู่ในอนุกรรมการชุดนั้น จึงอย่ากังวล ส่วนนายทหารยศพันโทที่อ้างถึง ก็ไม่ใช่กรรมการสอบในสำนวนนายยงยุทธ และไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ดังนั้น ขอชี้แจงว่าสำนวนที่จะส่งให้ศาลฎีกานั้นเป็นของเจ้าหน้าที่ กกต.โดยตรง และขณะนี้กำลังยกร่างคำฟ้องโดยให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าของสำนวนดำเนินการก่อนส่งศาล ซึ่งประเด็นตอนนี้อยู่ที่พยานและการพิจารณาของศาลฎีกามากกว่า
เมื่อถามว่า เห็นอย่างไรหากนายยงยุทธขอให้ กกต.เสียงข้างน้อยไปเป็นพยาน นายสุเมธ กล่าวว่า เข้าใจว่า ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ เพราะเป็นเพียงการให้ความเห็นเท่านั้น ซึ่ง กกต.ก็ต้องเสนอความเห็นให้ศาลอยู่แล้วว่าแต่ละคนมีความเห็นอย่างไรในการลงมติ ซึ่งก็คงให้การว่าเป็นไปตามมตินั้น ถึงจะให้ไปเบิกความอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
“คดีจะมีน้ำหนักหรือไม่อยู่ที่พยานหลักฐานที่จะนำไปเสนอศาลเท่านั้น ไม่ได้อยู่ที่ กกต.เพราะกกต.ลงชื่อในคำวินิจฉัยเพื่อรับทราบเท่านั้น ไม่อาจบอกให้ทำสำนวนหนักแน่น นอกนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หรืออัยการช่วยตรวจสอบให้ถูกกระบวนการพิจารณาของศาล”
นายสุเมธ ยังกล่าวไม่รู้สึกกังวลกับที่จะมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องไม่ให้ กกต.ส่งสำนวนดังกล่าวไปศาล ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย หากกกต.ไม่ส่งสำนวนไปก็จะผิดกฎหมาย จึงได้แต่ขอร้องอย่ามารวมตัวกันเลย ไม่เป็นประโยชน์ เพราะเราต้องทำตามกฎหมายอยู่แล้ว
“เราไม่หวั่นใจ เข้าใจว่าทุกคนก็ต้องการให้ประเทศชาติอยู่ในความสงบเหมือนกัน อยากจะขอร้องว่าอย่ามารวมตัวกันแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์ ขึ้นอยู่กับศาลพิจารณา และพยานหลักฐานก็ปรากฏอยู่ในสำนวน พวกผมก็ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องว่าตามกฎหมาย”