xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” ชี้ “เหลิม” ยอมมั่ว 6 ตุลาฯเพื่อ “หมัก” - เตือน “เพ็ญ” หยุดทำตัวเป็น นปก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้ “เฉลิม” ยอมมั่วข้อมูล “6 ตุลาฯ” หวังปกป้อง “สมัคร” ขณะ “อดิศร” จวกยับ ขยายรอยปริใน พปช.เตือนสติ “จักรภพ” เป็น รมต.ต้องทำตัวให้สมตำแหน่ง ไม่ใช่ยังเป็นหัวโจก นปก.เอะอะโทษรัฐประหาร กุลีกุจออุ้มผู้ถือหุ้นไอทีวี

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 2

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 19 ก.พ. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีที่นายนาย วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อภิปรายตำหนินักการเมืองว่า เป็นครั้งแรกที่เห็นส.ส.รัฐบาลและส.ส.ฝ่ายค้าน มีความคิดเห็นที่ไปในทิศทางเดียวกัน คือไม่พอใจการอภิปรายของนา วุฒิพงษ์ ที่มองการทำงานของนักการเมืองว่าล้มเหลวทั้งหมด ทำให้ ส.ส.รัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมาอภิปรายตอบโต้

ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า หากภาคประชาชนเห็นการบริหารของนักการเมืองล้มเหลว เราก็ต้องเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน ต้องมีตัวแทนจากภาคประชาชนเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อต่อรองนโยบายกับรัฐได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากหลักความคิดของแต่ละพรรคการเมืองนั้นไม่เหมือนกัน วิธีคิดการบริหารจึงแตกต่าง หากภาคประชาชนคิดว่าการเข้าสู่อำนาจสามารถเปลี่ยนแปลง และกำหนดแนวนโยบายต่างๆ ได้ ภาคประชาชนก็ต้องส่งคนเข้าสู่การเมือง ไม่ว่าจะมาในรูปแบบการเป็น ส.ส.หรือเป็น ส.ว.

ต่อมาผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง ส.ว.ระบบสรรหา 74 คน ว่า ยังถือว่าไม่โดดเด่นเท่ากับ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา รายชื่อส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการ คนดัง และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักก็พอมี ส่วนตัวแทนจากภาคประชาชนเท่าที่เห็น ติดกลุ่มเข้ามาน้อยมาก เป็นไปได้หรือไม่ที่กระบวนการสรรหาจะถูกตีกรอบให้อยู่เฉพาะความสัมพันธ์ในวงราชการ ทำให้ตัวแทนจากองค์กรภาคเอกชน ภาคประชาชน ไม่สามารถเบียดเข้ามาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวได้

ขณะเดียวกันผู้ที่เสนอตัวกว่า 2 พันคน ส่วนใหญ่เลือกที่จะหลีกเลี่ยงลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว. เนื่องจากเห็นว่า การลงสมัคร ส.ว.ให้ได้รับการเลือกตั้งนั้นยากกว่า ดังนั้นจึงพยายามใช้ช่องทางการสรรหาเข้าสู่ตำแหน่งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือก ส.ว.ในวันที่ 2 มีนาคม กันมากๆ เลือกคนที่ผลงานปรากฏชัด การมีตัวจากทุกภาคส่วนนั้นสำคัญมาก สามารถเข้าไปพูดแทนประชาชนในสภาฯ ได้

** “เหลิม”มั่ว 6 ตุลาฯ ป้อง “หมัก”

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกมายืนยันว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เกิดจากตำรวจเมาแล้วทำปืนลั่นใส่ประชาชน และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวข้อง เพราะตอนนั้นนายสมัครยังไม่ได้เป็นรมว.มหาดไทย แต่มีการนำไปโจมตีว่านายสมัครใช้อำนาจตอนเป็นรมว.มหาดไทย สั่งให้ปราบปรามนักศึกษา

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า คำพูดดังกล่าวแสดงว่า ร.ต.อ.เฉลิมกำลังเข้าใจผิด เนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจากที่นายสมัครไปพูดกับสำนักข่าวต่างประเทศว่ามีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวเพียง 1 คน หลายคนโดยเฉพาะอดีตคนเดือนตุลาฯ เมื่อได้ฟังจึงรับไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงมีคนเสียชีวิตมากว่านั้น ก็เอาข้อมูลมาพิสูจน์ ไม่ได้มีการฟื้นฝอยหาตะเข็บแต่อย่างใด และไม่ได้มีใครบอกว่านายสมัครไปเกี่ยวข้องกับการฆ่านักศึกษาหรือไม่

ส่วนกรณีที่นายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ออกมาตำหนิพร้อมให้นายสมัคร หยุดบิดเบือนประวัติศาสตร์นั้น ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า โดยส่วนตัวรู้สึกเห็นด้วยกับท่าทีของนายอดิศร อดีตพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน มีอดีตคนเดือนตุลาฯ อยู่อีกเป็นจำนวนมาก ทำไมถึงมีแค่นายอดิศร ที่ลุกขึ้นมาตำหนิ คนอื่นไปไหนหมด โดยเฉพาะนายสุธรรม แสงประทุม ที่รู้เรื่องนี้ดี จะไม่พูดอะไรออกมาบ้างหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นี่จะเป็นสัญญาณความไม่ลงรอยกันในพรรคพลังประชาชนหรือไม่

ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า ร.ต.อ.เฉลิม กล้าออกมาชน กล้าพูดแทนนายสมัคร หลายคนในพรรคพลังประชราชนจึงพยายามหาทางกำจัด โดยเฉพาะปัจจุบันเกิดความไม่ลงรอยทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ไว้วางใจนายสมัคร ทั้งสองส่อเค้าแยกทางกัน ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ที่ไม่รู้ว่าจะดิ่งลงไปมากเท่าใด มิหนำซ้ำคนที่รับผิดชอบ อย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว.คลัง ก็ไม่เชี่ยวชาญ มัวแต่รอฟังคำชี้แนะจากคนอื่น โดยเฉพาะนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

ดังนั้นจึงเชื่อว่า นพ.สุรพงษ์ กำลังอยู่บนเส้นด้าย กำลังจะตกม้าตาย ฟังคำจากคนที่มาเสนอให้แก้ไขอะไรก็ได้ โดยที่คนเหล่านั้นไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด นพ.สุรพงษ์ ถึงนำนายพันศักดิ์ เข้าไปอยู่ในที่ประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ดีๆ เราปล่อยให้ใครมารับรู้การประชุม ไม่กลัวหรือว่าหากข้อมูลการประชุมของ ธปท.รั่วไหล สภาวะเศรษฐกิจของเราอาจจะสั่นคลอน คล้ายๆ กับที่เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งพิษเศรษฐกิจจากการลอยตัวเงินบาท

**ฟื้นตำแหน่งผลาญเงินรองรับ ส.ส.อกหัก

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลจะฟื้นตำแหน่งกรรมการผู้แทนการค้าไทยในต่างประเทศและกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่เคยมีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และถูกยกเลิกไปหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. ว่า เป็นการหาตำแหน่งให้กับ ส.ส.ที่อกหัก และรองรับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ทั้งนี้ ต้องฟังนายสมัครว่าจะตัดสินใจอย่างไร

อย่างไรก็ตาม การสร้างตำแหน่งเพิ่มขึ้นมาก็เพื่อหาทางออกให้กับนักการเมืองที่หาที่ลงไม่ได้ แต่ประชาชนคนเสียภาษีจะต้องสนองตอบ ทั้งที่บางคนก็ไม่ได้ทำงาน ซึ่งในระยะหลังๆ กลายเป็นเรื่องปกติที่มีการตอบสนองนักการเมืองทุกคนให้สมประโยชน์โดยไม่ดูว่านักการเมืองคนนั้นมีคุณภาพหรือไม่

ทั้งมีการอ้างตามมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ว่า ไม่ได้ห้าม ส.ส.เป็นกรรมการผู้แทนการค้า และกรรมการผุ้ช่วยรัฐมนตรี แต่สำหรับ 111 คน จะห้ามหรือไม่ต้องพิจารณาให้ดี เพราะถูกห้ามยุ่งเกี่ยวทางการเมือง

**เตือนสติ“จักรภพ”เป็น รมต.ไม่ใช่ นปก.

ต่อมาผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยบริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน) เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีไอทีวีถูกยึดสัมปทาน ซึ่งนายจักรภพได้ออกมารับหนังสือ และรับปากผู้ถือหุ้นรายย่อยไอทีวีว่า จะดูแลให้ และเป็นทุกข์เป็นร้อนแทนผู้ถือหุ้นไอทีวีมาก เพราะวิกฤติที่เกิดกับไอทีวีไม่ได้มาจากผู้ถือหุ้น แต่เกิดจากการเปลี่ยนนโยบายของรัฐ จากรัฐบาลประชาธิปไตยไปเป็นรัฐบาลเผด็จการ โดยที่คนเป็น ส.ส.ไม่มีส่วนรู้เห็น ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบการยึดสัมปทานว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อทำให้เรื่องยุติ ไม่เช่นนั้นจะพายเรือในอ่าง

ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า นายจักรภพต่างหากที่ภายเรือในอ่าง วันดีคืนดีจะเข้าไปจัดการกับทีพีบีเอส อสมท แต่แล้วก็ไม่เอา วันดีคืนดีก็จะไปอุ้มพนักงานไอทีวี แล้วก็ถอย วันดีคืนดีจะอุ้มผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทเอกชนอีก ทั้งที่ตัวเองเป็นรัฐบาล ถ้ามีเอกชนทำผิดสัญญาสัมปทานทำให้รัฐเสียหาย จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ

สำหรับกรณีไอทีวีนี้ ได้ผ่านขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการ ผ่านการตัดสินของศาลปกครองไปเรียบร้อยแล้วว่า ไอทีวีทำผิดสัญญา จนนำไปสู่การยึดสัมปทานคืน ซึ่งไม่เกี่ยวกับการรัฐประหารเลย เพราะการยึดสัมปทานคืนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น

“คุณจักรภพไม่มีหน้าที่ไปโอบอุ้มผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทเอกชน ถ้าผู้ถือหุ้นเห็นว่าเขาเสียหาย ก็ต้องไปร้องกับ ผู้บริหารบริษัทไอทีวี คุณจักรภพต้องบอกให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยไปเรียกร้องกับผู้บริหารไอทีวี ไม่ใช่ไปโอบอุ้ม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการรัฐประหาร แต่เป็นเรื่องที่ว่าไอทีวีทำผิดสัญญาสัมปทานหรือไม่”

ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร นายจักรภพไม่รู้เรื่องเลยหรือว่ามีอะไรเกิดขึ้น จะไปโอบอุ้มผู้ถือหุ้นบริษัทเอกชนทั้งที่รัฐไม่ได้เกี่ยวข้อง เข้าเป็นรัฐมนตรีมีหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์รัฐ เมื่อบริษัทเอกชนทำให้รัฐเสียหาย จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ

“คุณจักรภพเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ นปก.ที่จะไปอุ้มไอทีวี หรือมีอะไรมาก็ว่าเป็นเพราะรัฐประหาร ซึ่งเป็นการเอาการเมืองนำจนเกินไป จะให้รัฐบาลจ่ายชดเชยให้ไอทีวีหรือ ไม่รู้หรือว่าขั้นตอนไปถึงไหน คุณมาเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ให้ได้ เหมือนที่ให้สัมภาษณ์คุณสรยุทธ

“การเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นที่เรียบร้อย ก่อนตัดสินใจบอกว่าอะไรคือความชอบธรรม ไม่ใช่มีอะไรก็โทษการรัฐประหาร อยากให้ช่วยเก็บความรู้สึกส่วนตัวด้วย เดี่ยวคนเขาจะรู้ว่าคุณทำเพื่อใคร”ผู้ดำเนินรายการกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น