“สุริยะใส” ซัด “จักรภพ” แทรกแซงสื่อหวังส่งสัญญาณเช็คบิลฝ่ายตรงข้าม หยัน “รบ.นอมินี” จ้องเล่นงานสื่อเพราะกลัวถูกตรวจสอบ พร้อมเรียกร้ององค์กรวิชาชีพเคลื่อนไหวโดยด่วน ก่อนแนะสถาบันวิชาการคลี่ปม 6 ตุลา หวั่นประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือน
วันนี้ (14 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณีการถอดรายการ “มุมมองของเจิมศักดิ์” ว่า ข้อเท็จจริงในกรณีนี้ทางองค์กรวิชาชีพด้านสื่อมวลชนจะต้องดำเนินการตรวจสอบ นอกจากนี้แล้ว กรณีดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นว่ามีวามเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะจัดระเบียบสื่อมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชนที่เคยตรวจสอบระบอบทักษิณ และรัฐบาลไทยรักไทยในอดีต แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพของสื่อมวลชน แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็ไม่สามารถคุ้มครองได้ เพราะในการแทรกแซงสื่อสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งในกรณีนี้การใช้คำสั่งทางตรงก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง
เลขาฯ ครป.กล่าวต่อว่า สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและองค์กรวิชาชีพด้านสื่อฯ ไม่ควรนิ่งนอนใจ จะปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของสื่อใดสื่อหนึ่งไม่ได้ เพราะหากไม่ดำเนินการใดๆ จะส่งผลในระยะยาว ซึ่งตนเข้าใจว่าการจัดระเบียบสื่อในที่นี้ตีความได้ 2 แนวทาง คือ แนวทางแรก การเล่นงานสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งไม่ภักดี และแนวทางที่สอง หมายถึงการปฏิรูปสื่อตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องตั้งคำถามว่า ทำไมนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.สำนักนายกฯ จึงไม่พูดถึงการจัดตั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับมาเน้นถึงความหมายแรก ซึ่งอาจหมายถึงการส่งสัญญาณเพื่อเช็คบิลสื่อที่ไม่ภักดีหรือไม่ เพราะรู้ตัวว่าเป็นรัฐบาลนอมินีที่กลัวจะถูกจับผิด
“ผมไม่ได้หวังว่าภายใต้รัฐบาลชุดนี้จะมีการปฏิรูปสื่ออย่างจริงจัง เพราะว่าสื่อเทียมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็เยอะแยะไปหมด ทั้งพีทีวี และวิทยุชุมชน คุณจักรภพ เองก็ทำเป็นปิดตาข้างเดียว แต่สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ให้กับทุกภาคส่วนช่วยกันระดมความคิดเห็น เพื่อจัดทำให้การปฏิรูปสื่อเป็นวาระแห่งชาติ แทนที่จะปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการฝ่ายเดียว ยิ่งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเองก็เคยประกาศกลางเวทีการชุมนุม นปก.ว่า เลือกที่จะยืนข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยไม่สนใจว่าอะไรถูกอะไรผิด” นายสุริยะใส กล่าว
ส่วนเนื้อหาที่เป็นประเด็นให้มีการถอดรายการดังกล่าว เพราะระบุถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลานั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าสถาบันวิชาการ ควรจะทำให้ข้อเท็จจริงกระจ่าง เพราะหากประวัติศาสตร์ส่วนนี้เบลอๆ และถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองด้วยแล้ว ประวัติศาสตร์ที่เป็นของสามัญชนก็จะถูกบิดเบือนจนมัวหมอง และไม่ก่อประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลัง