xs
xsm
sm
md
lg

“เลี้ยบ” ปากสั่นแจงอนุฯสอบยุบพรรค ปัดนอมินี ทรท.แค่สานต่อนโยบาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เลขา พปช.” โผล่แจงอนุสอบยุบพรรค ปฏิเสธเป็นนอมินี ทรท.อ้างแค่สานต่อนโยบายที่ดี ลอยแพอดีตซากศพไม่เกี่ยวข้องกัน ปิดปากไม่รู้แม้วอยู่ที่ไหน ด้านอนุฯสอบคาดสรุปความเห็นส่ง กกต.ทัน 19 ก.พ.นี้

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (13 ก.พ.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ได้เข้าชี้แจงข้อมูลกับคณะอนุกรรมการสืบสวนกรณีพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ที่มี นายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ เป็นประธาน หลังชี้แจงกล่าว 2 ชั่วโมง นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เดินทางมาให้ข้อมูลกับคณะอนุกรรมการในฐานะพยาน โดยได้ชี้แจงเรื่องการประชุมของอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2550 ว่า เป็นการประชุมเพื่อตัดสินใจว่าจะร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือจะย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว

“ผมได้ให้ข้อมูลกับกรรมการสอบสวนประมาณ 4-5 ข้อ ส่วนใหญ่เป็นข้อเท็จจริงเรื่องนโยบาย ที่มาของการไประชุมวันดังกล่าวว่า เกิดขึ้นเพราะระหว่างเวลานั้นได้มีร่วมกันรณรงค์เพื่อไม่ให้รับร่างรัฐธรรมนูญ ปี50 จึงมีความกังวลว่า หากประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 อาจทำให้ต้องมีการนำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาใช้แทน ซึ่งรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ระบุว่า ผู้จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ต่ำกว่า 90 วัน ดังนั้น จึงได้มีการหารือกัน ว่า จะต้องรีบสมัครเป็นพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นประเด็นพิเศษ หรือเป็นประเด็นที่มีการกล่าวหาเรื่องนอมินี”

นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการยังได้สอบถามเรื่องนโยบายการหาเสียงของพรรคพลังประชาชน ซึ่งได้ให้ข้อมูลไปว่า นโยบายการหาเสียงของพรรคพลังประชาชน มีการพูดถึงนโยบายดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของพรรคไทยรักไทย ซึ่งพรรคพลังประชาชนได้นำมาทำต่อ และยังมีนโยบายใหม่ๆ ที่เราคิดว่า น่าจะสร้างความสามารถให้การแข่งขันของประเทศไทยได้ เช่นเรื่องสุขภาพ การศึกษา การเพิ่มมูลค่าของผลไม้ไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีการพูดมาก่อนในอดีต ดังนั้น หมายความว่าพรรคพลังประชาชน ก็มีนโยบายในแง่ที่จะสานต่อนโยบายที่ดี และมีนโยบายใหม่ที่เป็นประโยชน์

ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าคณะอนุกรรมการจะเรียกบุคคลอื่นๆ เข้าชี้แจงอีกหรือไม่ แต่ คงจะเชิญผู้ที่ถูกพาดพิงว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยตนคงไม่จำเป็นต้องทำหนังสือชี้แจงเพิ่มเติมอีก เพราะได้ตอบคำถามของคณะอนุกรรมการไปแล้ว ซึ่งก่อนเข้าชี้แจงก็ไม่ได้หารือกับ นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เพราะสิ่งที่ตอบไปเป็นข้อเท็จจริง จึงไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลที่ให้ไป จะตรงหรือไม่ตรงกับข้อมูลจากคนอื่น

เมื่อถามว่า คณะอนุกรรมการได้ถามถึงความสัมพันธ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เว้นแต่มีการพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับมาซึ่งก็เป็นสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อยู่แล้ว เพื่อที่จะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยไม่ใช่เรื่องที่เป็นนโยบายของพรรคพลังประชาชน แต่เป็นสิทธิของผู้ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้หารือเรื่องดังกล่าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ต่อสายโทรคุยกันและไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พักอยู่ที่ไหน

“เชื่อมั่นว่า คณะอนุกรรมการจะให้ความเป็นธรรม เหมือนกับที่พรรคพลังประชาชน เคยให้ความมั่นใจในความเป็นธรรมของ กกต.มาตลอด และเชื่อว่า ทุกท่านต่างตั้งใจทำงานให้บ้านเมืองสามารถเดินหน้าต่อไปภายใต้กรอบของกฎหมายได้” นพ.สุรพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการ ที่ นพ.สุรพงษ์มาชี้แจงในวันนี้แล้ว ยังเหลือคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ได้ขอขยายเวลาการเข้าชี้แจงจากก่อนหน้านี้ไปถึงวันที่ 18 ก.พ.โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจสำคัญ แต่หากไม่สามารถมาชี้แจงได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะขอชี้แจงเป็นเอกสารตอบการซักถาม

ขณะที่ นายไพฑูรย์ กล่าวภายหลังการรับฟังการชี้แจง ว่า นพ.สุรพงษ์ ชี้แจงว่า การเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคจากพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคพลังประชาชนก็เพื่อให้ได้พรรคการเมืองก่อนที่ผลประชามติรัฐธรรมนูญจะออกมา และกระบวนการการได้พรรคใหม่เป็นการทำกันเองไม่เกี่ยวกับ อดีต กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ซึ่งคณะอนุกรรมการจะรับฟังข้อมูลประกอบการพิจารณา โดยจะนำคำชี้แจงมาเขียนเป็นสำนวนคำวินิจฉัยพร้อมกับคำให้การของ นายวีระ สมความคิด ผู้ร้อง และคำชี้แจงของฝ่ายผู้ถูกร้องอย่าง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ นายเนวิน ชิดชอบ โดยหลังจากนี้คณะกรรมการไม่จำเป็นต้องเชิญผู้ใดมาให้การอีกแล้ว เพราะเชิญทั้ง 2ฝ่ายมาจนครบและเราจะนำถ้อยคำมาพิจารณาประกอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคาดว่า จะส่งสำนวน ให้ กกต.พิจารณาประมาณวันที่ 19 ก.พ.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น