“บรรหาร” ปฏิเสธกลางวงสอบยุบพรรค ยันไม่รู้เห็น “มณเฑียร” ซื้อเสียงจนถูกสั่งเพิกถอนสิทธิ ด้าน “บุญทัน” คาด คกก.สอบสวนน่าจะสรุปพร้อมเสนอความเห็นเกี่ยวกับความผิด 2 พรรคให้ กกต.ได้ไม่เกิน 25 ก.พ.นี้
วานนี้ (12 ก.พ.) คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณียุบพรรคชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนของพรรคชาติไทย มาชี้แจง โดยช่วงเช้าได้เชิญ นายมณเฑียร สงฆ์ประชา รองเลขาธิการพรรคชาติไทย ที่ถูก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ขณะที่ช่วงบ่ายก็ได้เชิญ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเดินทางมาพร้อมนายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรค นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองเลขาธิการพรรค เข้าชี้แจง ซึ่ง นายบรรหาร แสดงอาการหงุดหงิดตั้งแต่ก่อนเข้าประชุม โดยตำหนิสื่อที่คอยถ่ายภาพว่า “เจ็บตา พอได้แล้วถ่ายตั้งแต่ข้างล่างแล้ว” ภายหลังการชี้แจงกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง นายบรรหาร ก็ได้ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์โดยกล่าวเพียงว่า “ชี้แจงตามข้อเท็จจริง” ก่อนที่จะรีบเดินทางกลับ แต่มีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าตอนก่อนเข้าชี้แจง
ทั้งนี้ นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานคณะกรรมการ แถลงผลว่า ที่ประชุมได้ตั้งคำถามกับนายบรรหาร จำนวน 7 ข้อ เป็นคำถามทั่วไป โดย นายบรรหาร ได้ตอบทีละข้อและตอบได้ทั้งหมด และเมื่อกรรมการมีข้อสงสัยใดก็จะสอบถามเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า นายบรรหาร ได้ยอมรับการกระทำผิดของนายมณเฑียรหรือไม่ นายบุญทัน กล่าวว่า ท่านก็บอกว่ายังสงสัยอยู่ และบอกว่า เมื่อรับทราบว่าลูกพรรคถูกใบแดงก็ตกใจ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของคนที่ตั้งพรรคมา 35 ปี แต่เมื่อทราบก็โทรศัพท์ไปแจ้งเลขาธิการพรรคให้พยายามแก้ไข พร้อมกับบอกว่าก่อนการเลือกตั้งก็ได้เตือนสมาชิกของพรรคว่าให้ระมัดระวัง และมีพันธกรณีโดยเป็นหนังสือให้ลูกพรรคลงลายมือชื่อที่จะไม่ทุจริตเลือกตั้ง โดย นายมณเฑียร และ นางนันทนา สงฆ์ประชา ก็ลงนามในหนังสือดังกล่าวด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลหนึ่งที่สามารถจับต้องได้
นอกจากนี้ นายบรรหาร ยังยืนยันชัดเจนว่า พรรคไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของนายมณเฑียร พร้อมกับอธิบาย และระบุว่า จะนำหลักฐานมายืนยัน ซึ่งเป็นวิดีโอเทปบันทึกภาพและเสียงที่นายบรรหารได้ปฐมนิเทศให้ผู้สมัคร ว่า เมื่อลงเลือกตั้งต้องทำตัวอย่างไร โดยระบุว่า ถ้าทำผิดซื้อเสียงแม้เพียงสิบบาท ก็มีสิทธิทำให้พรรคถูกยุบได้ ซึ่งจะนำมามอบให้กับคณะกรรมการภายในหนึ่งถึงสองวันนี้
“ที่ท่านบรรหารยืนยันว่า พรรคไม่มีส่วนรู้เห็นนั้น ท่านพูดว่าตอนหาเสียงได้บอกทุกคนไปว่าต่างคนต่างไปหาเสียงไม่เกี่ยวข้องกัน คณะกรรมการก็ถามลงลึกว่า คุณมณเฑียร อยู่ในพรรคทำอะไรบ้าง เขาก็บอกว่า ไม่ได้รับภาระอะไร แต่ที่มีตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการพรรค ก็เป็นภาพ เพราะเวลาอยู่พื้นที่จะได้นำไปแสดงว่ามีตำแหน่งในพรรค ท่านบรรหารยังพูดด้วยว่าที่พรรคเลือกคุณมณเฑียรเป็นผู้สมัคร ไม่ได้เลือกจากสะพายกระเป๋าเข้ามาสมัคร แต่เพราะคุณมณเฑียร เล่นการเมืองท้องถิ่นมา 11 ปี พ่อก็มีชื่อเสียง จึงคิดว่าเป็นคนที่มีศักยภาพและเป็นคนซื่อๆ ไม่มีประวัติด่างพร้อย พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า คะแนนนิยมของคุณมณเฑียร ได้มากที่สุดใน อ.หันคา คือ 2 หมื่นคะแนน แต่อำเภอที่เกิดเรื่อง คือ อ.เมือง กลับได้เพียง 9,000 คะแนนเท่านั้น จึงไม่คิดว่า คุณมณเฑียร จะไปทำอะไรขนาดนั้น แต่ยอมรับว่า พรรคได้ให้เงินสนับสนุนกับนายมณเฑียร 2 แสนบาท โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากที่ผู้สมัครเปิดไว้ ซึ่งเป็นการให้กับผู้สมัครเกือบทุกคนตามปกติ”
นายบุญทัน ยังกล่าวถึงการชี้แจงของนายมณเฑียร ว่า กรรมการตั้งคำถามจำนวน 8 ข้อ ซึ่งเขาก็ตอบได้ดี พร้อมกับยืนยันว่า ไม่ต้องไปซื้อเสียงตามที่กล่าวหา เพราะรับใช้ประชาชนมาตั้งแต่รุ่นพ่อ และแม้มีตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการพรรค ก็ไม่เคยร่วมประชุมพรรค หรือรับภาระให้รับผิดชอบดูแล ส.ส.ในพื้นที่
“เขาบอกว่า เสียใจมากในชีวิตที่โดนเช่นนี้ เพราะเหมือนถูกประหารชีวิต อยากให้กรรมการสอบเรื่องนี้ให้ลึก โดยตั้งข้อสังเกตว่า ตอนที่ถูกกล่าวหาว่าให้แม่ค้าขายกุนเชียงไปซื้อเสียงให้ เมื่อมีการสอบสวนตำรวจก็บอกว่าไม่ผิด แต่พอมาสอบใหม่กลับบอกว่าผิด ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่รู้จักแม่ค้าคนนี้เลย และที่บอกว่า แม่ค้ามีรายชื่อผู้มีสิทธิและเตรียมเงินไปจ่าย นายมณเฑียร ชี้แจงว่า เงินดังกล่าวไม่ใช่เงินของพรรค แต่เป็นเงินของสามีหญิงคนนั้น ที่ได้โบนัสหนึ่งหมื่นบาท และเตรียมใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้ที่จดไว้”
นายบุญทัน กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ต้องเชิญใครมาให้ปากคำเพิ่มเติม แต่กรรมการจะยังไม่สรุป เพราะจะรอการสอบสวนกรณีพรรคมัชฌิมาธิปไตยเสียก่อน จึงจะสรุป และส่งความเห็นพร้อมกันภายในวันที่ 25 ก.พ.ซึ่งประเด็นที่พิจารณา คือ การกระทำของผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค รู้เห็นหรือไม่