“สุริยะใส” ลั่นกลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยวิตก รัฐบาลทรราชจะหันกลับมาเช็กบิล ท้าแน่จริงกลับมาต่อสู้คดีความ เย้ยอย่าขี้ขลาดความปลอดภัย หลังตั้ง “เหลิม” คุมมหาดไทยขีดเส้นประเมินผลงาน “หมัก” 5 เดือน
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป.แถลงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับมาสู้ในเมืองไทย ครป.เห็นว่า เป็นเรื่องดีที่จะกลับมาพิสูจน์ความผิดของตนเองในกระบวนการยุติธรรม และขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายหยุดเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง อย่าโยนหินถามทาง สร้างความสับสนให้กับประชาชน เพราะข้อเท็จจริงไม่มีใครออกมาขัดขวางการกลับเข้าประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด และ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็แต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น มท.1 ด้วยมือตนเอง ก็ควรจะไว้วางใจในการทำหน้าที่อารักขาความปลอดภัยของ มท.1 คนนี้ด้วย เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็แสดงความปลาบปลื้มอย่างเต็มที่ที่จะทำหน้าที่เป็น รปภ.ส่วนตัวอดีตผู้นำ
“หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเมืองไทย ในช่วงกลางเดือน ก.พ.มีคำถามว่ากลับมาแล้วจะต้องเหมือนการกลับมาของ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา หรือไม่ ซึ่งหากกลับมาตนอยากให้ใช้มาตรการเดียวกันกับคุณหญิงพจมาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะต้องให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่า หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม.ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ทำให้ประชาชนได้เห็นการประสานเสียงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายกระทรวงได้ประสานเสียงแข่งขันกันปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะที่ปัญหาของประเทศ และปัญหาของประชาชนกลับเป็นเรื่องมาทีหลัง ซึ่งน่าเป็นห่วงว่ารัฐบาลชุดนี้ เพราะกำลังจะเอาวาระทักษิณ มาเป็นวาระประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็หาช่องทางยกเลิกมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะการยกเลิกการบังคับการประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (Compulsory Licensing หรือ CL) ทั้งๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนยากคนจนที่จะมีโอกาสเข้าถึงยา ทั้งๆ ที่รัฐบาลนี้ฐานเสียงเป็นคนยากคนจน น่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนจนด้วย ซึ่งเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดว่าจะอยู่ข้างบริษัทยา หรืออยู่ข้างคนยากคนจน
“รัฐบาลต้องไม่ลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แม้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีคนชื่นชอบไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็มีคนจำนวนไม่น้อยเช่นกันได้ตั้งข้อกังขา และสงสัยในพฤติกรรมการใช้อำนาจมิชอบในระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี ประการสำคัญ รัฐบาลต้องยอมรับว่า อีกสถานะหนึ่งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตกเป็นผู้ต้องหา เป็นจำเลยในชั้นศาล การดำเนินการใดๆของนายกฯ และรัฐมนตรีจะต้องระมัดระวังไม่เป็นการแทรกแซง ชี้นำกระบวนการยุติธรรม อย่าให้สังคมสงสัยว่ารัฐบาลชุดนี้จะใช้อำนาจทางการเมืองบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เพราะอาจเกิดการต่อต้านจากประชาชนได้” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า สำหรับการรวมตัวของอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ไม่มีเจตนาต่อต้านรัฐบาล หรือเพราะกลัวการถูกเช็กบิล พวกเรายืนยันให้โอกาส และให้เวลารัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ และเราพร้อมสนับสนุนนโยบายและมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ไม่ใช่เพื่อคนๆ เดียว รัฐบาลก็ทราบดีว่ามีแต่รัฐบาลทรราชเท่านั้นที่ประชาชนออกมาเดินขบวนขับไล่ ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีรัฐบาลของประชาชนที่ถูกต่อต้านจากประชาชน
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ตนคิดว่า ไม่เกิน 5 เดือนรัฐบาลจะถูกตรวจสอบจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสื่อ ฝ่ายค้าน และพันธมิตรฯ จะติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ภายใน 4-5 เดือน โดยจะตั้งกลไกตรวจสอบนอกสภา โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปได้ว่ารัฐบาลนี้จะนำเอานโยบายในรูปแบบเก่าๆ ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มาใช้ในรัฐบาลนี้ โดยไม่ทิ้งรูปแบบเดิม นอกจากนี้ ยังจะตรวจสอบการอนุมัติเมกะโปรเจกต์ของแต่ละโครงการ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 9 สาย ว่า จะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและพวกพ้องหรือไม่ ยืนยันว่า พันธมิตรฯจะไม่โจมตี หรือกีดขวางการทำงานของรัฐบาลอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯจะหารือกันในเบื้องต้นก่อน เพื่อจะประเมินผลงานการทำงานของรัฐบาล แต่จะไม่เป็นในรูปแบบการชุมนุม แต่จะเป็นการเปิดเวทีอภิปรายให้ประชาชนได้รับทราบการทำงานของรัฐบาล
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า มีหนังสือพิมพ์บางฉบับไปเขียนระบุว่า การที่พันธมิตรฯจะออกมา เพราะเกรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเช็กบิลนั้น ไม่เป็นความจริง