นายกฯเปิดรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ครั้งแรกก็สร้างฝันจะขยายเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองออกไปสู่เส้นทางทุกภูมิภาคภายใน 3 ปี หลังจากล่าช้ามา 30 ปี ให้เป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันยันร่างนโยบายจะเสร็จจันทร์นี้ คาด อภิปราย 18-19 ก.พ.ย้ำรายการเป็นการสร้างความเข้าใจให้ ปชช.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ สนทนาประสาสมัคร
วันนี้ (10 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อดำเนินรายการ “สนทนาประสา สมัคร” เป็นครั้งแรก ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยรายการดังกล่าวจะมีทุกวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 08.30-09.30 น. ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดคำพูดของนายสมัครในรายการวันแรก
"สวัสดีครับท่านผู้ชม ผม สมัคร สุนทรเวช ครับ ตอนนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มต้นรายการเมื่อสักครู่นี้ ไม่ทราบใครเป็นคนจัดเข้าเพลง ความหมุนเวียนที่เปลี่ยนที่ในโลกเรา ดีครับ เข้ากับบรรยากาศดี ตอนก่อนเป็นอย่างนี้ ตอนนี้เป็นอย่างนี้ วันหน้าเป็นอย่างไรยังไม่ทราบครับ แต่ที่อยากเรียนคือว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าอยู่ซีกของผมข้างเดียว แล้วไม่ได้มีทางจะเจรจาบอกข่าวให้ท่านโดยตรง ท่านนั่งชมที่บ้าน ใครฟังวิทยุก็จะได้ยินเสียงผม วิธีการอย่างนี้ละครับเป็นวิธีการแก้ปัญหาของความเข้าใจผิด หรือเรื่องที่ยังไม่รู้ ท่านผู้ชมท่านผู้ฟังควรจะได้รู้ ท่านเป็นเจ้าของประเทศ รายการอย่างนี้ นายกฯ แต่ก่อนทำเอาไว้ ความจริงนายกฯ คนก่อนเขาไม่ทำเฉย ๆ หรอกครับ ที่สหรัฐอเมริกาเขาก็ทำ ทุกวันนี้ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็ยังสนทนากับประชาชนของเขาทุกอาทิตย์ เขาพูดวิทยุ ทางผมเห็นว่าช่อง 11 ก็บริการใครต่อใครมากมาย นายกรัฐมนตรีมาขอใช้บริการคงไม่เป็นปัญหา
วันนี้เริ่มต้นอยากจะเรียนอย่างนี้ครับ ที่ผมมาคุยกับท่านทั้งหลายตรงนี้ ทำง่าย ๆ ธรรมดา เหมือนกับคนที่เคยรู้จักคุ้นเคยกันมานั่งเล่าอะไรต่ออะไรให้ฟัง เพราะมารับหน้าที่ดูแลบริหารบ้านเมืองนี้ รายการจะประกอบด้วยอย่างนี้ครับว่า เบื้องต้นจะเล่าให้ฟังว่าไปทำอะไรมา 2 – 3 วันที่แล้วทำอะไรอย่างไรมา ถัดมาก็จะบอกให้ฟังว่า ทางรัฐมนตรีหลายคนจะฝากมาว่ามีงานอะไรที่อยากจะให้ประชาชนได้สนใจกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ ส่งมาคนละใบสองใบเท่านั้น ผมจะบอกให้ว่ากระทรวงนี้เขามีเรื่องนั้น ๆ ถัดไปจะเป็นเรื่องชี้แจงข้อที่ทำให้คนเข้าใจผิด เพราะบางทีคนฟังข่าวแล้วดูแคลนคนเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย เดี๋ยวจะยกตัวอย่างให้ฟัง และถัดไปจะคุยเรื่อง 1 – 2 – 3 ที่ตั้งใจจะมาคุย สุดท้ายจะเป็นเรื่องที่จะเป็นไฮไลท์ คือว่าเรื่องที่ตั้งใจจริง ๆ จะคุยกับประชาชน รายการเป็นอย่างนี้ครับ
เริ่มต้นผมจะบอกว่า เป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่กี่วัน กระทรวงการต่างประเทศเขาบอกว่านายกรัฐมนตรีบาห์เรนมา เหมือนกับเป็น Working Visit ท่านมาภายในเงียบ ๆ ของท่าน ท่านมา 2 อาทิตย์ ทำงานแล้วจวนจะกลับ ท่านเป็นพระราชวงศ์ด้วย ท่านเป็นพระปิตุลาของพระมหากษัตริย์บาห์เรน ท่านเป็นผู้แทนพระองค์ของพระมหากษัตริย์บาห์เรน ตอนที่มางานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 60 ปี มีความสำคัญตรงนี้ว่าประเทศนี้อยู่ที่อ่าว มี Area ออกจากซาอุดิอาระเบีย เป็นประเทศที่ให้ความร่วมมือกับประเทศไทยดีมาก สำคัญที่สุดคือว่าเป็นเหมือนกับประตูเข้าทางตะวันออกกลาง ทางอ่าว ก็อยากให้ได้รู้จักกันไว้ด้วย ผมก็บอกไม่มีปัญหา ท่านอยู่ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล เป็นการภายใน ผมก็ไปภายใน นักข่าวไม่รู้ โรงแรมโอเรียนเต็ลยังไม่รู้เลย ผมนั่งรถคันเล็กไปกัน 3 คน ขบวนผมไม่มี ผมมาอย่างนี้เพราะว่าเป็นการภายใน ภาษากระทรวงการต่างประเทศเรียกว่าให้เฝ้าฯ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีก็สถานะเท่ากัน แต่ท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ ต้องแสดงความเคารพ พูดจาต้องมีราชาศัพท์ ราชาศัพท์ภาษาอังกฤษกระทรวงการต่างประเทศต้องบอกมาคำสองคำแล้วใช้กัน ก็พยายามครับ เสร็จเรียบร้อย กระทรวงการต่างประเทศกระซิบมาบอกว่า ถ้าหากว่ามีเวลา 2 – 3 วันก่อนจะเสด็จกลับ ทูลเชิญเสวยพระกายาหารกลางวันได้ไหม ผมบอกว่าผมจะประชุมคณะรัฐมนตรีพิเศษวันศุกร์ ก็ได้ถ้าเป็นบ่าย ก็ทรงรับเชิญ
นายกรัฐมนตรีบาห์เรนก็มาเป็นแขกคนแรกของทำเนียบรัฐบาล ได้ถวายพระกระยาหารกลางวันถ้าจะเรียกตามราชาศัพท์ นายกรัฐมนตรีไทยเลี้ยงข้าวนายกรัฐมนตรีบาห์เรน ก็คุยกับทางโน้นมา 6 คน ทางผม 6 คน คุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ เต็มร้อยเลย ต้องได้ประโยชน์แน่นอน เพราะมีการฝากฝังกัน ทางโน้นอยากจะมาลงทุนในไทย อยากจะเอาความเก่งเรื่องการทำโรงพยาบาลของไทยที่มีชื่อเสียงมาก ท่านอยากจะเอาไปทางโน้น แล้วท่านก็ดูลู่ทางการลงทุนทางนี้ สำคัญที่สุดคือว่านายกรัฐมนตรีท่านนี้ท่านอยู่ในแวดวง OIC (Organisation of The Islamic Conference) คือ อิสลามอินเตอร์ที่เขาประชุม มีอะไรอย่างไรท่านก็ช่วยเจรจาความแทนประเทศไทยให้ ท่านช่วยพูดจาให้ เพราะฉะนั้นมีความหมายในการที่จะต้องดำเนินการอย่างกระทรวงการต่างประเทศแนะนำว่า งานแรกเป็นอย่างนี้ ถัดไปคือว่า อยากเรียนว่า ระหว่างนี้วันนี้วันหยุดมีการประชุมซักซ้อมนโยบายกัน กำลังรีบพิมพ์ครับ วันจันทร์ให้คณะรัฐมนตรีอ่าน วันอังคารเอาไปอนุมัติกันเป็นทางการ วันพุธก็พิมพ์ เขาต้องการเวลา 6 ชั่วโมง พิมพ์แล้วแจก ต้องให้สภาฯ ก่อน 3 วัน เราประมาณการไว้วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 ถัดไปวันที่ 19 ก็ได้ เพราะเราไม่เอาวันพุธ จะมีงานพระราชพิธีก็หลีกเลี่ยง ทุกอย่างเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เรียนให้ทราบไว้ ทำไมต้องเลือกวันจันทร์จะได้ไม่ต้องไปถามใครเขา ถ้าคาบเกี่ยวอีกวันก็สุดแท้แต่ทางฝ่ายค้านจะพูดจาอภิปรายกัน ก็เอาหน้าที่ตรงนี้เล่าให้ฟัง ที่บอกเมื่อสักครู่นี้ว่าคนที่ทำข่าวแล้วทำให้คนในบ้านเมืองนี้เข้าใจผิด เข้าใจผิดคนธรรมดาก็แล้วไป เข้าใจนายกรัฐมนตรีผิด นายกรัฐมนตรีก็มีช่องตรงนี้ละครับที่จะออกมาสนทนาความ ผมเล่าให้ฟังนะครับ เวลาที่สนทนากับนักข่าว แล้วเผลอไม่ได้พูดกับนักข่าวไทย พูดกับนักข่าวญี่ปุ่นวันก่อน ก็เหลือเกิน คนโบราณนี่ครับก็นึกว่าข่าวญี่ปุ่นก็ไปออกข่าวญี่ปุ่น เขาบอกไม่ใช่เลย พูดกับญี่ปุ่นเสร็จญี่ปุ่นแถลงในประเทศไทยเลย นักข่าวก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเลย บอกอะไรกันนี่พวกญี่ปุ่น คุยกับเขาได้ นักข่าวไทยไม่ยอมคุย บอกว่ายังไม่ได้นัดวันจะคุยไว้ เลยต้องจัดการเลี้ยงข้าวนักข่าวเขาหน่อย บอกว่าต้องเข้าใจกันแล้ว ต่อไปนี้จะจัด พอเชิญคุยจริง ๆ เชิญนักข่าวคุยจริง ๆ เกิดบอกว่ามีคนเขียนจดหมายมาขอคุย 3 ฉบับ ต้องเป็น honor ให้ทั้ง 3 คนนั้นเขาคุย เขาก็คุยครับ ถามเรื่องหมา เรื่องแมว เรื่องกับข้าวกับปลา ผมเลยต้องลงมาข้างล่างขอพบผู้สื่อข่าว นายกรัฐมนตรีต่อว่านักข่าวว่า ทีอยากให้เชิญขึ้นไปสัมภาษณ์ ไม่ไป ก็เลยต้องให้สัมภาษณ์ข้างนอกอย่างนั้น ก็พอสมควรแก่เหตุ คนนั้นถามคนนี้ถาม เลยขอตั้งธรรมเนียมใหม่ บอกว่าคุณบอกหน่อย ชื่ออะไร สำนักไหน บอกชื่อกับสำนัก จะได้รู้และจำหน้ากันได้คนไหนเป็นอย่างไร เขาก็ดี บอกปั๊บเขาก็ทำปุ๊บเลย
พอคุยกันเสร็จเรียบร้อย ถึงวันคุยกันนักข่าวก็มา วันนั้นเป็นวันชุลมุน ตอนเช้าประชุมคณะรัฐมนตรี ถวายพระกระยาหารนายกรัฐมนตรีบาห์เรน พอไปถึงท่านผู้สื่อข่าวไปนั่ง ก็คุยกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มา 12 สำนัก 20 คนนั่งล้อมวงเลย ถามโน่นถามนี่ผมตอบได้ไม่มีปัญหา จะยกตัวอย่างให้ฟังว่าเขาถามว่าตกลง 30 เปอร์เซ็นต์จะยกเลิกไหม คำตอบของผมคือว่าการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองประชาชนที่ไปหาเสียงว่าจะยกเลิก 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ทว่าเมื่อมาเป็นพรรคการเมืองร่วมกันแล้ว ฝ่ายค้านจะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่ว่าที่รวมกัน 6 พรรคเขามีความเห็นตรงกัน แต่ถึงกระนั้น วันอังคารเราจะเจอกัน 6 พรรค จะให้รัฐมนตรีคลังสอบถามว่ายังเห็นตรงกันไหม ถ้าตรงกันแล้วเป็นหน้าที่รัฐมนตรีคลังจะต้องไปเจรจากับธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยเขาเป็นองค์กรอิสระ กระทรวงการคลังเกี่ยวตะขอกันอยู่
นักข่าวถามเป็นทำนองว่า ตกลงจะปลดนั้น รัฐมนตรีคลัง ผมบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ถามว่าเข้าใจไหมว่าเราจะมีความเห็นตรงกัน แล้วฝากรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีคลังจะไปเจรจาความ พูดชัดเจนเลย คนเก่งช่อง 9 เขาพูดตอนเย็นหน้ากระทรวง บอกว่าสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อสักครู่นี้ นายกรัฐมนตรีสมัครตอบคำถามฝรั่ง บอกว่าต้องยกเลิก 30 เปอร์เซ็นต์ วันอังคารนี้จะออกมติคณะรัฐมนตรีสั่งยกเลิก อย่างนี้นายกฯ เชยไหมครับ เรื่องนี้ยกเลิกในมติคณะรัฐมนตรีได้อย่างไรครับ เรื่องนี้เป็นการละเอียดอ่อน เป็นการส่งสัญญาณกัน ผมรู้ผมเข้าใจทุกอย่าง พูดกับฝรั่งเขาก็เข้าใจ แต่ไทยปรากฏว่าฟังภาษาฝรั่งออก เข้าใจว่าฟังออก แต่วิธีเอามาเสนอในรายการไม่ค่อยญาติดีกับผม พูดจากระทบกระแทกแดกดัน ผมไม่ได้ว่าอะไร กล่าวหาเลยว่านายกรัฐมนตรีพูดเมื่อสักครู่นี้ พูดภาษาฝรั่งแปลออกมาเลย แปลว่าตกลงนายกสมัครบอกต้องเลิก 30 เปอร์เซ็นต์ วันอังคารจะประชุม มีมติคณะรัฐมนตรียกเลิก นี่ตกลงคนเป็นนายกฯ เชย หรือผู้สื่อข่าวเชย ความจริงไม่ใช่ผู้สื่อข่าว เขาเป็นประเภทเหมือนกับพวก Commentator ครับ เก่งเรื่องหุ้น เรื่องอะไร พูดจาคล่อง แต่ปรากฏว่าคล่องแบบนี้เสียหายครับ
ผมต้องเก็บเอามา มีอีกหลายอันครับ ใครมาพลาดพลั้งอย่างนี้ผมต้องเอามา ไม่ได้ว่าต่อว่าอะไรรุนแรง เพียงแต่บอกว่าคุณต้องไปตรองดู คุณสุ่มสี่สุ่มห้าเอามากล่าวหาอย่างนี้ เสียหาย เหมือนนายกรัฐมนตรีไม่รู้จักธรรมเนียมเลย เขาจะส่งสัญญาณกันอย่างไร แล้วใครเป็นอย่างไร เขาเกี่ยวตะขอกันอย่างไร ผมจะบอกผู้สื่อข่าวคนนี้ไว้ว่า ผมรู้เรื่องอย่างนี้ เดี๋ยวถ้ายังไม่ไปไหนผู้สื่อข่าวคนนี้ นั่งฟังตอนท้ายผมจะคุยเรื่องที่ว่าพวกคุณไม่รู้จักคุย แต่ผมจะคุยให้ฟังว่าปัญหาที่ราษฎรเขาบ่น แล้วผมจะเสนอแนวทางอย่างไร
ถัดไปผมจะเล่าให้ฟังเรื่องที่ยังไม่ลงรายละเอียด ผมเลี้ยงข้าวนักข่าวที่บ้าน บอกคุยได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องคณะรัฐมนตรี เขาก็ถาม ผมก็คุยเรื่องที่อยากจะได้คุย คือต่อไปนี้ไม่ได้คุยแบบที่หาเสียงไว้ ไม่ต้องคุยแล้ว เพราะตอนหาเสียงผมคุยเรื่องอื่น ไม่ใช่นโยบายไม่ใช่วิธีการ ถึงคราวนี้ผมมีหน้าที่แล้ว ผมต้องคุยเรื่องที่จะคิดจะทำ คุยให้เขาฟังเรื่องระบบขนส่งมวลชน ผมจะทำรายละเอียดเรื่องนี้ รายการพิเศษเลย เฉพาะ เปิดมาก็คุยเรื่องนี้เลย ผมจัดรายการเรื่องนี้ที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค ซอยสุขุมวิท 24 สถานที่นี้ดี คนไปฟังพอสมควร แต่เชื่อไหมครับ พูดเสร็จ อธิบายความเสร็จ ไม่มีสิ่งที่ผมพูดในหนังสือพิมพ์ ในรายงานทุกชนิด กลัวจะได้ประโยชน์ทางการเมือง กลัวว่าการรายงานความคิดเห็นของผมจะเป็นประโยชน์ในทางการเมือง ก็ท้าบอกให้ไปคุยด้วย พอผมคุยซีกเดียวของผม ไม่รายงาน ผมจะทำเรื่องนี้อีกทีหนึ่ง
ตรงนี้จะเล่าให้ฟังว่า ระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทยควรจะทำตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว บ้านเมืองไหนเขามี 20,000 คนเขาทำแล้ว ของเรา 6 ล้านคนเพิ่งจะลงมือ ลงมือก็ไม่ถูกต้อง ไปลงมือยกระดับ คนที่ลงมือออกไปแล้ว พรรคพวกเขาบอกว่าเมืองไทยทำรถใต้ดินไม่ได้ อยู่เมืองนอกมานานเขารู้ รู้ดีอยู่เมืองนอกมานาน ผมอยากกระเซ้าตอนนั้นเลยว่าอยู่เมืองนอกมานานอยู่แต่ในค่ายทหาร ไม่ได้โผล่มาดูชาวบ้านเขา ผมบอกทำได้ ผมกับคุณเฉลิมจำได้เลยตอนนั้น คัดค้านเท่าไรก็สร้าง ตกลงสร้าง แล้วบอกทำแล้วให้ยาวเหยียดออกไป เพราะว่าคนจนอยู่ไกลชานเมือง เมืองจะได้ขยายไปอยู่ข้างนอก ต้องเหยียดออกไปให้ยาวที่สุด เพราะจะเป็นการทำหนเดียว ราคาก่อสร้างอันเดียว ในเมืองช้าหน่อย ชานเมืองเสร็จก่อนได้ใช้ก่อน ไม่ฟังครับ ทำเลย 23 กิโลเมตร ในเมือง ยกระดับ เสร็จแล้วราคาตายเลย บอกว่าจะมีวันละ 600,000 คน วันแรกก็เกือบจะใกล้ 600,000 คน แต่วันต่อมา 1 ปีเฉลี่ยวันละ 120,000 คน ปีที่สอง 180,000 คน ปีที่สาม 300,000 คน และอยู่ที่แถวนี้ 300,000 - 300,000 กว่าคน จริง ๆ คาดกันว่าต้องวันละ 600,000 คน จะได้อย่างไรครับ วิ่งอยู่ขนาด 23 กิโลเมตร 300,000 คน
เล่าให้ฟังตรงนี้คือว่าจะต้องเหยียดยาวออกไป อยู่ที่หมอชิตต้องยาวไปลำลูกกา ไป 30 กิโลเมตร อยู่ทางนี้เดี๋ยวนี้มีรถไฟใต้ดินไปโผล่ที่บางซื่อ ต้องเหยียดออกไปทางบางใหญ่ เกือบ 25 กิโลเมตร ไปจ่ออยู่ที่ทางสะพานตากสิน ผมทำข้ามเลย ทำเองเลย ข้ามสะพานตากสิน ทำไป 4.3 กิโลเมตร เดี๋ยวนี้ต้องต่อไป 6.8 กิโลเมตรถึงบางหว้า ใจจริงทีแรกถ้าผมไป 4.3 กิโลเมตร ผมอยากจะไปอย่างเร็ว คือข้ามทางรถไฟไปมหาชัย แต่มาคิดถึงว่าข้างทางมหาชัยบ้านคนอยู่น้อย แต่ถ้ามาบางหว้า แล้วลากไปตามเพชรเกษม อย่างนี้ไปก็ 30 กิโลเมตร ไปอยู่ชานเมืองก็ได้ แต่ก่อนทำไม่ได้ เป็น กทม. ทำไม่ได้เพราะออกนอกเขต กทม. ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ผมเป็นรัฐบาล ผมทำได้ทุกจังหวัด ก็บอกความคิดให้ดูว่าไม่ใช่ไปหยุดอยู่แค่หมอชิต ต้องยาวไปอนุสรณ์สถานและไปลำลูกกา ทางโน้นตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องไปบางใหญ่ ส่วนพระรามเก้าก็ลงไปที่อ้อมน้อยตะวันตกเฉียงใต้ และทางสายอ่อนนุช ก็ไม่ได้ไปแค่สำโรง ต้องยาวออกไปเลย ออกไปในเมืองเสร็จ ออกไปถึงโน่น บางปู
ท่านต้องหลับตามองเห็นว่านี่ 4 แฉกแล้ว ใช้ของเก่าที่มีอยู่ ต้องขึ้นไปดูข้างบน ไปดูบนหลังคาตึกแล้วมองลงมา ในความไม่ดีก็มีความดีอยู่ คือสถานียืดไปสถานีหนึ่งเขาสร้างดี เขาสร้างเก่ง สถานีมาตรฐานดูข้างบน จอดได้ 6 ตู้ทั้ง ๆ ที่ใช้อยู่ 3 ตู้ เพราะคนโดยสารมีขนาดนี้ ถ้าเพิ่มไป 6 ตู้ก็เท่าตัว นี่หมายความว่าเมื่อเราเหยียดออกไปข้างละ 30 กิโลเมตร อย่างนั้นแล้วข้างในเมืองไม่ต้องใช้ คือระบบเขาดีเขาใช้ได้ เราเป็น 6 ตู้ก็จะได้เท่าตัว เวลานี้ใช้ 5 นาที/ขบวน ถ้าเป็น 2 นาทีครึ่ง/ขบวน ก็เป็นอีกเท่าตัว ท่านผู้ชมท่านผู้ฟังท่านเห็นเขาสร้างแท่นยกระดับไหม จากพญาไทเขาสร้างจากมักกะสัน มักกะสันไปที่สุวรรณภูมิ 1 ปีครึ่ง 28 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นเส้นนี้ 28 กิโลเมตร เราบอกได้เลยว่าเอารถมาวิ่งได้ 3 ปี 3 ปีเท่านั้น บอกได้เลยว่าถ้าลงมือจากอ่อนนุชยาวออกไปตลอดถึงอนุสรณ์สถาน เลี้ยวเข้าไปคลอง 16 ไปถึงลำลูกกาคลอง 7 ประมาณ 30 กิโลเมตร อย่างนี้ใน 1 ปีครึ่งยกระดับไปเสร็จ อีก 1 ปีครึ่งใส่รางใส่อะไรเข้าไปอีก เสร็จครับไม่มีปัญหา คือทั้ง 4 ทิศจะได้ภายใน 3 ปีเลย ยกระดับ ได้ใช้งานแน่ โดยตัวตรงกลางไม่ต้องไปทำอะไรใหม่ สถานี 21 สถานีในเมืองพ่วงเป็น 6 ตู้ คือมาจากทาง 4 ทิศต้อง 6 ตู้ และธรรมดา 3 ตู้ 5 นาที ต่อไปเป็น 6 ตู้แล้ว 2 นาทีครึ่ง นี่เห็นได้ชัดครับ วิธีการกระทรวงการคลังบอกงวดหน้าค่อยคุยรายละเอียด เอาเท่านี้ก่อน
เท่านั้นยังไม่พอครับ นี่เท่ากับเป็นตัว S บางใหญ่ ลำลูกกา อ้อมน้อย ตรงนี้ บางปู ตัว S ตรงนี้ ต่อไปก็กากบาท ต้องวิ่งจากรังสิตมาเข้ารางเดียวกัน เข้าตรงดอนเมืองแล้วลากมาถึงปทุมวัน ตรงสนามกีฬาแห่งชาติ ตรงนั้น ออกจากสนามกีฬาแห่งชาติถ้าเลี้ยวตรงเจริญผล เลี้ยวไปเข้าคลองแสนแสบ Elevated ยกระดับไปตามคลองแสนแสบ ข้ามถนนวิ่งคลองมหานาคไปถึงผ่านฟ้า แล้วเลาะตามกำแพงเมืองโบราณ ไปถึงปากคลองโอ่งอ่าง ข้ามสะพานพระปกเกล้า เขาทำสะพานรอไว้แล้ว ตรงนั้นรอข้ามฟากไปโน้น แล้วไปวิ่งตรงกลางพระปกเกล้าวิ่งไปกลางสุขสวัสดิ์ ไปป้อมพระจุล จากรังสิตไปป้อมพระจุล บวกลงมา
สายใหม่ที่จะทำคือจากพุทธมณฑล นครชัยศรียังได้ แต่พุทธมณฑลก่อน ลากเข้ามาเลยครับ เข้ามาแล้วก็มุดลอดใต้ถุนกรุงเทพฯ แล้วก็ไปโผล่ แถวลาดพร้าวออกไป ไปมีนบุรีไปลาดกระบัง พูดให้ฟังง่าย ๆ ว่าเป็นตัว X 4 สายแล้ว เป็นกากบาทอีก 4 ก็เท่ากับเป็น 8 แฉก อีกสายเดียวก็เป็น 8 แฉก และสายที่เขาทำไว้คือพญาไท- สุวรรณภูมิ จะเป็น 9 แฉก อย่างนี้เวลาเขียนให้ดูง่าย ๆ วันหลังผมจะเขียนให้ดู วันนี้ยังไม่ต้องรายละเอียดนัก
บอกให้ฟังว่างานนี้จะต้องสะดวกกับประชาชน คือวงแหวนรอบใน 40 กิโลเมตร ถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่คลองเตยวิ่งเข้ามา มาถึงอโศกมนตรี ไป อสมท. วิ่งยาวไปโค้งไปเลย จนกระทั่งถึงรัชโยธิน ข้ามวิภาวดีออกไป ยาวออกไป แล้วไปข้ามสะพานพระราม 7 ข้ามไปถึงโรงไฟฟ้าที่ยันฮี พระนครเหนือ แล้ววิ่งจรัลสนิทวงศ์ตลอดเลย จนกระทั่งไปถึงมไหศวรรย์ ข้ามสะพานกรุงเทพ วิ่งไปตามถนนพระราม 3 ไปออกคลองเตย รูปร่างเหมือนมะม่วงอกร่องตรงนี้ 40 กิโลเมตร มีรถใต้ดินอยู่ใต้ดิน เวลา 6 ปี รถใต้วิ่งสวนกัน แล้ว loop ออกไปข้างนอก 100 กิโลเมตร เป็นยกระดับ
ยกตัวอย่างเป็นตรงบางหว้า บางหว้ามีถนนใหม่ ถนนนี้เวลาจะเอ่ยชื่อต้องนึกไม่ออกเลย ถนนสร้างใหม่ กรมโยธาธิการและผังเมืองเขาสร้าง ยกระดับไป จะยาวไปถึงสะพานพระราม 5 พอข้ามไปจะไปถึง ลงไปถนนที่ตัดตรงท่าน้ำนนท์ขึ้นมาที่จะเป็นสี่แยก เลยไปหน่อยก็จะเจอถนนติวานนท์ ไปถึงถนนงามวงศ์วาน เลี้ยวขวายกระดับกลางงามวงศ์วาน เขาทำเตรียมไว้เลย ตั้งแต่เกษตร ความจริงเขาจะทำทางยกระดับ แต่ถ้าหากว่าเป็นขนส่งมวลชนก็จะมีประโยชน์มากกว่า ต่อเดียวกันยาวไปเลย ไปออกศรีนครินทร์ ศรีนครินทร์ก็วิ่งไปถึงเทพารักษ์ เสร็จแล้วเลี้ยวขวาออกไปปู่เจ้าสมิงพราย จะข้ามจะมุดก็สุดแท้แต่ ไปออกสุขสวัสดิ์ สุขสวัสดิ์ก็เลี้ยวออกมาบางปะกอก แล้วมาบางหว้า ถ้าเขียนแผนที่จะเห็นว่าวงนอก 100 กิโลเมตร วงใน 40 กิโลเมตร
ทั้งหมดที่พูดกันคร่าว ๆ นี่คือระบบขนส่งมวลชน ยังมีความคิดอ่านซึ่งเรากำลังตรวจสอบอยู่ด้วย นี่เป็นความคิดของนายตำรวจเก่าท่านหนึ่ง นายตำรวจท่านนี้ท่านทุ่มเททั้งชีวิตเลย ดูเรื่องนี้ ท่านส่งเอกสารให้ผม ผมดูแล้ว ท่านบอกทางรถไฟที่มานี้เรากำลังจะดูเลยว่าตรงไหนถ้าทำได้เร็วกว่า นอกจากที่ว่านี้ เอาคนเข้ามาโดยต่าง ๆ ระบบขนส่งมวลชนโดยใช้รางรถไฟที่มีอยู่นี้จะแก้อย่างไร ท่านอธิบายส่งเอกสารให้ผมหมด จะเอามาผสมด้วย แต่ด้วยหลักการอย่างนี้เราจะตกลง เรื่องการเงินจะพูดคราวหน้า กระทรวงการคลังขอคุยก่อน ซึ่งเขาบอกว่าหลักการใช้ได้แต่อย่าเพิ่งออกรายละเอียด
ถัดไปเรื่องที่ 2 ที่ผมคุยคือเรื่องต่างจังหวัด คุยกรุงเทพฯ อย่างเดียวไม่ได้ ผมคุยเรื่องรถไฟ รถไฟต่างจังหวัดมีมาร้อยกว่าปี ท่านผู้ชมอยู่ที่บ้านอาจจะไม่ทราบว่า รถไฟ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เวลาที่ท่านเสด็จฯ ยุโรป หลักการของพระองค์ท่านคือเราต้องยอมรับความเจริญของโลก เอามาพัฒนาบ้านเรา เอาดาบไปสู้กับปืนไม่ได้ เพราะฉะนั้น พระองค์ท่านจึงรับความเจริญจากยุโรป เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยุโรปมีตู้เย็น 3 ปี เราก็มีตู้เย็น เขามีโรงไฟฟ้า 3 ปี เรามีโรงไฟฟ้าตามหลังยุโรป 3 ปีเท่านั้น เราก็สามารถมีสิ่งต่าง ๆ อย่างรถไฟ เชื่อไหมครับรถไฟที่ทำครั้งแรก 72 กิโลเมตร สายพระเนตรของพระองค์ท่าน คือทำแบบที่เขาเรียกว่า Standard gate คือระยะทาง Meter gate คือกว้าง 1 เมตร Standard gate คือ 1.435 เมตร กว้างขึ้นก็แปลว่าปลอดภัยขึ้น วิ่งได้เร็วขึ้น ร้อยละ 65 ในโลกนี้ใช้ Standard ร้อยละ 35 หรือเล็กลงไปกว่านั้น ก็ใช้แบบ Meter gate เราสร้างมาตรฐาน เชื่อไหมครับร้อยกว่าปีก่อน มหาอำนาจที่เป็นเจ้าของประเทศทางใต้บอกจะต่อรถไฟจากกัวลาลัมเปอร์มากรุงเทพฯ ของเขาเป็น Meter grade 1 เมตร มหาอำนาจทางฝรั่งเศสบอกจะต่อรถไฟจากพนมเปญเข้ามากรุงเทพฯ ทั้งซ้ายทั้งขวาแต่ติดฝรั่งเศส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราต้องทรงเปลี่ยน เอารถไฟ Standard ของโลก กลับมาเป็นแคบ เราเลยทำ 1 เมตรมาตลอด เขาพูดกันในโลกนี้ว่า รถไฟ 1 เมตรเป็นรถไฟเมืองขึ้น รถไฟที่ไม่ใช่เมืองขึ้นต้อง Standard ร้อยละ 65 ใช้ ยกเว้นประเทศอินเดียซึ่งเป็น 1.50 เมตร เป็นเมืองขึ้น แต่เขาใช้รถไฟมาก เขาใช้ 1.50 เมตร
ผมไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องรถไฟขนาดนั้น แต่ผมบอกได้ว่าร้อยปี รถไฟวิ่ง แต่ก่อนรางนับเป็นปอนด์ 50 ปอนด์ ต่อมา 70 ปอนด์ แต่นี่ 100 ปอนด์ แปลว่าแข็งแรงขึ้น รางแต่ก่อนเป็นไม้ เดี๋ยวนี้เป็นรางคอนกรีต หมอนคอนกรีตที่จะทำ ต้องการหมอนคอนกรีตแต่ไปเรียกไม้ จะแข็งแรงจะอยู่ได้และวิ่งนุ่มด้วย ต้องการ 7 ล้านท่อน คิดแบบไทย ประมูลแบบไทย เอาราคาต่ำสุด เสนอ 7 ล้านท่อน ราคาต่ำสุด ได้ไปแล้วทำไปได้แค่ลพบุรี อยุธยา หมดปัญหาพังเลย ตอนนั้นถ้าเผื่อคิดแบบคนต่างชาติเขาคิด คือให้มีสัก 7 บริษัท คนละ 1 ล้านท่อน 7 อย่างนี้ไม่มีปัญหา ทำมาจาก 7 ทิศ อย่างนี้จะใช้ได้ไปทำหมดแล้ว ราคาแพงนิดหนึ่ง แต่เสร็จหมด คิดแบบไทย ตกลงได้แค่ลพบุรี เพราะฉะนั้น หมอนคอนกรีตจะทำให้รถไฟวิ่งได้นุ่มนวลขึ้น ไม้พุหมด ที่พูดกันอย่างนี้คือว่า คันรถไฟ ถ้าท่านดูรถไฟ เป็นดิน ข้างล่างกว้าง 10 ข้างบนกว้าง 5 รางวิ่ง 1 ราง รถไฟไทยใช้วิธีรอหลีก อย่างนี้รถไฟรอหลีก ก็ต้องกำหนดเวลา แต่ถ้ารถไฟวิ่งสวนกันได้โดยไม่ต้องรอหลีกจะเป็นอย่างไร จะดีขึ้นกว่าไหม
ผมคิดถึงเรื่องนี้คือคันดินใต้ราง ข้างบน 5 เมตร ข้างล่าง 10 เมตร แต่ถ้าเราต่อข้างบนอีก 5 เมตร ข้างล่างก็ไปอีกแค่ 5 เมตร เติมเป็นข้าวหลามตัด เราก็จะสามารถมีคันดินที่จะวาง ถ้าเราวางรางใหม่ รถไฟของเรามี 3,700 กิโลเมตร ยาวขึ้นไปข้างบนตรงไปเลย 750 กิโลเมตร ไปเชียงใหม่ ขึ้นไปแค่อยุธยาเลยไปบ้านภาชีเลี้ยวขวา ก็ไปสระบุรี นครราชสีมา ถึงนครราชสีมาก็ตรงขึ้นไป สุดท้ายถึงหนองคาย ตรงนี้ 620 กิโลเมตร ถ้าเผื่อนครราชสีมาออกไปชุมทางถนนจีระยาวออกไปก็ไปอุบลราชธานี ลากออกไป 2 สาย ไปแยกที่นครราชสีมา อันนี้ทางเหนือกับอีสาน พอลงไปข้างล่างก็ตรงไปก่อนไปนครปฐม ลงไปราชบุรี เพชรบุรี เสร็จแล้วก็ยาวลงไป สมัยก่อนจะมีแยกตรงหนองปลาดุก ไปเมืองกาญจน์ เดี๋ยวนี้เก็บไว้เป็นสายประวัติศาสตร์ รถไฟเคยไปถึงสุพรรณบุรี แต่สู้ถนนของสุพรรณบุรีไม่ไหว รถไฟถอนต้องเลิกเลย เสร็จแล้วพอลงไปข้างล่าง รถไฟยาวลงไปก็จะไปถึงชุมทางทุ่งสงก่อน และไปชุมทางเขาชุมพรเขาชุมทอง เลี้ยวไป 53 กิโลเมตรก็ไปนครศรีธรรมราช ถ้าแยกยาวลงไปคราวนี้ไปกันตัง จังหวัดตรัง เป็นท่าเรือ และถ้าตรงลงไปเลยเป็นชุมทางหาดใหญ่ ลงไปสงขลา 60 กิโลเมตรก็ไปปาดังเบซาร์ ไป 200 กิโลเมตรก็ไปสุไหงโก-ลก ทั้งหมด 3,700 กิโลเมตร
ถ้าเราขึ้นคันดินทั้งหมด และขึ้นรางใหม่ ต้องชวนคนต่างชาติ เรากำลังมีโรงถลุงเหล็กใหม่ 2 โรง ผลิตออกมาเหล็กหยาบที่สุดคือ ทำรางรถไฟ ทำสะพานรถไฟใหม่ ฉะนั้นถ้าเทคโนโลยีการทำรางถ่ายทอดมาเพิ่ม 3,700 กิโลเมตร ไม่ใช่ครับ เมื่อเราทำอันนี้เสร็จ ต้องเอาอันเก่าเปลี่ยนด้วย ต้องทำทีละข้าง รถไฟต้องให้เขาเห็นเลยว่าของเขาเก่ายังอยู่ 1 เมตรวิ่ง ให้เขาอยู่อย่างนั้นไป เราขึ้นใหม่ก็เป็นของรถไฟ ไม่ใช่ของใคร สร้างขึ้นมาใหม่หมด แต่ว่าจะเร็วกว่า
ผมบอกว่าเราไม่ได้ต้องการว่าเอารถจรวดมา เดี๋ยววิ่งเลยประเทศ เราต้องการอะไรครับ ต้องการรถไฟที่เร็วประมาณ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก่อนของเราวิ่ง 75 เฉลี่ย 53 เดี๋ยวนี้ของเราวิ่งประมาณ 90 แต่เฉลี่ยประมาณ 60 กว่า เพราะฉะนั้น เวลาไปเชียงใหม่ต้องใช้ 13 ชั่วโมง ลงไปหาดใหญ่ต้องใช้ 16 ชั่วโมง แต่ถ้าเราใช้รถไฟที่เป็นราง Standard และใช้รถไฟสมัยใหม่ทั้งดึงทั้งดัน ฝรั่งเศสเขาสร้างใหม่ ถอดไม่ได้ แต่อังกฤษเขาเอาแบบทั้งดึงทั้งดัน ฝรั่งเศสจากสถานีการ์ เดอ ลียอง ไปเมืองลียอง 400 กิโลเมตร แต่ก่อนนี้ไป 4 ชั่วโมง เดี๋ยวนี้ 2 ชั่วโมง อังกฤษ ทำเขาเรียกว่า 125 คือ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากลอนดอนไปเดอร์บี้ แต่ก่อน 3 ชั่วโมง เดี๋ยวนี้ 2 ชั่วโมง อังกฤษบอกว่าฝรั่งเศสลงทุนแพงกว่า 8 เท่า เราไม่ได้ความเร็วขนาดนี้ เดี๋ยวเลยประเทศ ผมว่าอย่างนั้น เราสามารถจะทำรางมาตรฐาน เขาเอาออกในฝรั่งเศสในสวิตเซอร์แลนด์ เดี๋ยวนี้ TGV (Train Grande Vitesse เป็นรถไฟความเร็วสูงในแบบของฝรั่งเศส) กินหมด ตัวที่เขาเรียกว่า Roling stock คือตัวรถโดยสารต่าง ๆ เชื่อไหมครับรถโดยสารตู้นอนเมื่อไม่นานมานี้อายุ 50 ปี แต่ในยุโรปอายุ 5 ปี 10 ปี 15 ปี เราเอามาใช้ได้อีกเท่าตัว รถพวกนี้สะอาดกว่า กว้างกว่า แข็งแรง ใส่เรือมา 1 เดือน มาตบแต่งใช้งานได้เลย งานอย่างนี้ถ้าเราทำรางคู่ไปทั้งหมด เปลี่ยนสะพานรถไฟเปลี่ยนรางหมด รถไฟมาตรฐานยุโรปก็จะมาวิ่งในประเทศไทย ทางซ้ายยังวิ่งเฉลี่ยได้ 70 กิโลเมตร 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ทางนี้จะวิ่งได้เฉลี่ย 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็ว 200 ต้องวิ่งได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฉะนั้น ไปเชียงใหม่จะเหลือ 6 ชั่วโมงกว่า ไปหาดใหญ่ 8 ชั่วโมงกว่า อย่างนี้พอทำหมดแล้ว 3,700 คูณ 2 ได้ 7,400 กิโลเมตร ประโยชน์ต้องได้หมดครับ รางรถไฟขวางลงไป แม้แต่รถยนต์จะดีอย่างไร แต่สะพานใหม่จะออกมาต้อง หนึ่ง สอง สาม สะพานหยุดตรงแม่น้ำโขง รถไฟตรงไหนควรไป ราษฎรจะได้ใช้ประโยชน์ เพราะรถไฟไม่ต้องหวานเย็นอย่างแต่ก่อน วิ่งสวนกันควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ จะขนผู้โดยสาร จะขนน้ำมัน ขนพืชผัก ขนหิน ดิน ทราย ไม่ต้องใช้รถ 10 ล้อให้เกิดปัญหา รถไฟก็แก้ปัญหา นี่คือขนทั้งประเทศ"