เอแบคโพลล์เผยผลสำรวจความนิยมต่อรัฐบาลสมัคร โดย ปชช.เกือบร้อยละ 60 เชื่อว่าจะอยู่ไม่ยืดแค่ 2 ปี เพราะความแตกแยกระหว่างพรรคร่วม ปัญหาคอร์รัปชันจะรุนแรง และอาจเกิดรัฐประหารซ้ำ
วันนี้ (31 ม.ค.) ศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชน (เอแบคโพลล์) ต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศและลักษณะของรัฐมนตรีที่พึงประสงค์ จากการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีภูมิลำเนาใน 27 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 3,506 ตัวอย่าง ในช่วงระหว่างวันที่ 20-30 ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตมากที่สุด รองลงมา คือ มีความรู้ความสามารถ และมีความรวดเร็วฉับไวในการแก้ไขปัญหาประชาชน
ทั้งนี้ จากการสอบถามความเชื่อมั่นของประชาชนในการแก้ปัญหาต่างๆ พบว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความมั่นใจว่าจะนายสมัครจะสามารถแก้ไขได้มากที่สุด ขณะที่ปัญหาเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่ประชาชนไม่เชื่อมั่นมากที่สุดว่านายสมัครจะสามารถแก้ไขได้
จากการสำรวจยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 48% ต่างต้องการให้รัฐบาลทำงานอยู่จนครบวาระ เนื่องจากเห็นว่าเป็นพรรคที่ทำงานให้ประชาชนได้ดีที่สุด และคนของพรรคมีความรู้ความสามารถ แต่ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ถึง 58.5% ต่างคาดการณ์ว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีอายุการทำงานไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า เนื่องจากประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค ประชาชนส่วนใหญ่จึงคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่เกิน 2 ปี เพราะจะเกิดความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พรรคการเมืองบางพรรคอาจถูกยุบตามกระบวนการยุติธรรม เกิดปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอด เกิดการชุมนุมประท้วงขัดแย้งรุนแรง ไม่เชื่อมั่นต่อพรรคร่วมรัฐบาล และอาจเกิดการปฏิวัติ รัฐประหารได้อีก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลชุดนี้นำแบบอย่างของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นแบบอย่าง คือ เรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ขณะที่ต้องการให้นำแบบอย่างเรื่องการแก้ปัญหารวดเร็วและกล้าตัดสินใจของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาใช้เป็นแบบอย่าง