“กกต.” เบรก “ยงยุทธ” ดึงอดีต กก.บห.111 คน ตั้งสภา ปชช.เข้าข่ายดำเนินกิจกรรมการเมืองที่ผิด กม.พร้อมตั้งเลขา กกต.สอบกรณีสำนวนรั่วโดยไม่ต้องตั้งอนุฯขึ้นสอบ “สมชัย” ตามข้อร้องเรียนวีระ
วันนี้ (30 ม.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ว่า ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ แต่จะพิจารณาเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการทุกเรื่องแล้ว รวมทั้งการสอบสวนสำนวน นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่สอบสวนโดยคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธานด้วย ส่วนกรณี นางสดศรี สัตยธรรม กกต.เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะอนุสอบสวนกรณียุบพรรคชาติไทย เนื่องจากอาจสามารถเทียบเคียงกับกรณีพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะมอบหมายให้ฝ่ายกิจการพรรคการเมืองดำเนินการอยู่
“กกต.ไม่มีอำนาจยุบพรรคการเมืองใดๆ เพราะผู้ที่มีอำนาจยุบพรรค คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกกต.มีหน้าที่ต้องเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อไป หากพบว่าพรรคการเมืองทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยมาตรฐานการพิจารณาของ กกต.จะยึดตามกฎหมายเป็นหลัก แต่จะไม่พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแบบศาล เพราะมีเวลาการทำงานจำกัด แต่ทั้งนี้เรื่องการยุบพรรค พรรคการเมืองไม่ต้องกังวล โดยเฉพาะพรรคที่จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล กกต.จะเร่งดำเนินการโดยเร็ว”
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนสำนวน นายยงยุทธ กกต.ยังไม่ได้เคยพูดเลยว่าจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธหรือไม่ และที่ขอให้มีการส่งวีซีดี 8 แผ่นที่เป็นหลักฐานการทุจริตให้กองพิสูจน์หลักฐาน ก็คาดว่าจะยกมาหารือในที่ประชุม กกต.วันเดียวกันนี้ ทั้งนี้ ต้องพิจารณาถึงเหตุผลว่ามีความจำเป็นหรือไม่ ส่วนที่มีข่าวว่านายยงยุทธ ได้รับแจ้งจาก กกต.คนหนึ่งว่าการทุจริตที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉาก กกต.คงไม่ไปสอบสวนเรื่องนี้ เพราะเป็นการพูดขึ้นลอยๆ ยังไม่ปรากฏว่าบุคคลนั้นเป็นใคร
“ขอความกรุณาให้มีหลักฐานและส่งมาให้เรา อะไรก็ตามที่ไม่ถูกต้อง กกต.จะพิจารณาให้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก มีผลถึงการยุบพรรคการเมือง และที่มีการขอให้ดูแลพยานเนื่องจากถูกข่มขู่ ก็ขอให้เสนอเรื่องเข้ามาพร้อมจะพิจารณาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลให้”
ส่วนกรณีที่ นายยงยุทธ ระบุว่า จะตั้งสภาภาคประชาชน โดยจะดึงอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำนวน 111 คนมาร่วมนั้น เห็นว่า เรื่องการเพิกถอนสิทธิเป็นเรื่องที่ศาลสั่งไปแล้ว ส่วนการจะพิจารณาว่าเรื่องไหนเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ต้องพิจารณาไปเป็นเรื่องๆ หากเข้าข่ายเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจริง ก็ถือว่าทำผิดกฎมาย ดังนั้น ขอให้ทุกคนเดินทางสายกลางจะดีที่สุด อย่าตึงเครียดมากเกินไป โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องการความสมานฉันท์ อย่างไรก็ตาม กกต.จะทำงานด้วยความเป็นธรรมมากที่สุด
นายอภิชาต ยังกล่าวถึงการสอบสวนประเด็นสำนวนทุจริตเชียงรายรั่วไหลว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค.กกต.ได้มีการพิจารณาและมอบหมายให้เลขาธิการ กกต.เป็นผู้สอบสวนหาข้อเท็จจริง ตามที่นายวีระ สมความคิด ประธานอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ได้ทำหนังสือขอให้ กกต.สอบสวนหาข้อเท็จจริง แต่ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวน นาย สมชัย จึงประเสริฐ กกต.ที่ถูกมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสำนวนรั่ว
