“ยุทธ ตู้เย็น” คอพาดเขียง! กกต.เมินฮั้ว ชท. จ่อสอย

“มีชัย” ชี้ กม.เปิดประชุมสภาภายใน 30 วันไม่ใช่มาตรการบังคับ กกต.ให้ต้องเร่งรับรองผลเลือกตั้งครบ 95% ด้าน “ประพันธ์” มั่นใจส่งชื่อ ส.ส.ครบทันกำหนดภายในวันที่ 21 ม.ค. ดักคอเด็กชาติไทยฮั้วถอนฟ้อง “ยุทธ ตู้เย็น” ไม่มีผล หากมีมูลเจอสอยแน่

วันนี้ (15 ม.ค.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายเกรงว่า กกต.จะไม่สามารถประกาศรับรอง ส.ส.ได้ 456 คนหรือ 95% จนทำให้อาจเปิดประชุมสภานัดแรกไม่ทันวันที่ 21 ม.ค.ว่า บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้เปิดประชุมสภานัดแรกภายใน 30 วัน มีเจตนารมณ์ป้องกันไม่ให้ฝ่ายบริหารถ่วงเวลาในการเปิดประชุมสภาเพื่อตั้งรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะเขียนไว้เช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้กำหนดบทลงโทษหากทำไม่ได้ โดย กกต.ยังคงสามารถตรวจสอบสำนวนทุจริตและประกาศรับรองผล ส.ส.ต่อไปได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต. อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังเชื่อว่า กกต.น่าจะประกาศรับรอง ส.ส. 95% ได้ตามกำหนดเวลา ส่วนกรณีที่ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในจำนวนที่ไม่ถึง 5 % ก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้ต่อไปไม่เกิดปัญหา

ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง หวังว่าการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.ที่จะมีขึ้นจำนวน 25 รายจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการทุจริต เพื่อที่ กกต.จะได้สามารถประกาศรับรองผลได้ทันทีในวันรุ่งขึ้นเหมือนเช่น จ.นครราชสีมา

“อยากฝากไปยังพรรคการเมืองว่า ในการเลือกตั้งใหม่หากไม่มีผู้ร้องคัดค้านก็จะทำให้ปัญหาจำนวน ส.ส.ในการเปิดประชุมสภาฯ ลดน้อยลงไป ในส่วนของสำนวนการร้องคัดค้านที่ยังค้างอยู่ขณะนี้มีสำนวนอยู่ 2-3 จังหวัด ซึ่ง กกต.จะพิจารณาให้แล้วเสร็จในวันพฤหัสที่ 17 นี้ เมื่อพิจารณาเสร็จทั้งหมดแล้วก็จะประกาศรับรองผล คิดว่าจำนวนน่าจะถึง 95% ได้ เว้นแต่สำนวนใบแดงที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา หาก กกต.เลือกตั้งไม่ทันในวันที่ 20 ม.ค.ก็จะเลื่อนเป็นวันอาทิตย์ที่ 27 ม.ค.”

นายประพันธ์รับว่า หากสำนวนที่ค้างอยู่พิจารณาไม่เสร็จก็อาจจำเป็นที่ กกต.ต้องประกาศรับรองว่าที่ ส.ส.ทั้งหมดไปก่อน เพราะมาตรา 8 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ระบุชัดว่า กกต.ต้องพิจารณาสำนวนให้เสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง หากมีสำนวนที่ยังไม่แล้วเสร็จก็ต้องรับรองไปก่อน และไปดำเนินการต่อตาม มาตรา 116 ของ พ.ร.บ.เดียวกัน โดยสำนวนที่สอบสวนเสร็จหลังการประกาศรับรอง ส.ส.ไปแล้วก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ด้วยการที่ กกต.ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เมื่อศาลฯรับฟ้อง ส.ส.คนนั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่

“ขณะนี้ประสานกันเป็นการภายในกับทางสภาในการที่ กกต.จะส่งชื่อไปให้ทางสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำเนินการในขั้นตอนที่ต้องมีรัฐพิธีเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก โดยหลังการเลือกตั้งวันที่ 20 ม.ค.เมื่อ กกต.จังหวัดส่งผลการเลือกตั้งมาในตอนเช้าของวันที่ 21 ม.ค.กกต.ก็จะประกาศรับรอง ส.ส และบุคคลนั้นก็สามารถไปรายงานตัวได้ทันในวันเดียวกัน ซึ่งในเรื่องการโหวตเลือกนายกฯ ผมก็คิดว่าทันเหมือนกัน เพราะแม้จะมีการเลือกตั้งในเขตที่มีการใบแดงในวันที่ 27 ม.ค.ก็คิดว่า ว่าที่ ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งในวันนั้นจะเข้าไปโหวตนายกฯ ได้ทัน”

นายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.เชียงราย พรรคชาติไทย ถอนฟ้องนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค ว่าที่ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชนว่า หาก กกต.เห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีพยานหลักฐานอาจจะไม่ให้ถอนก็ได้ หรือแม้แต่ไม่มีคนร้องคัดค้านหาก กกต.เห็นว่าคดีมีมูลก็สามารถตั้งเรื่องเป็นเรื่องคัดค้านเองก็ได้ เมื่อถามต่อว่าคดีของนายยงยุทธ กกต.จะประกาศรับรองไปก่อนหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมก่อนว่า สำนวนจะเสร็จทันหรือไม่แต่คาดว่าวันที่ 17 ม.ค.คงจะรู้ผล เพราะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะพิจารณาสำนวน