xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” ชี้พิรุธ “ยุทธ ตู้เย็น” รีบโวยก่อน กกต.สรุป - แฉแก๊งปล่อยข่าวทำลาย “ป๋า”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการยามเฝ้าแผ่นดินดำเนินรายโดยคำนูณ สิทธิสมานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สโรชา พรอุมดศักดิ์และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้คดี “ยุทธ ตู้เย็น” จุดพลิกเกมการเมือง จับพิรุธ “พลังแม้ว” รีบโวยถูกแกล้ง ก่อน กกต.สรุป ส่อไม่มั่นใจชะตากรรมตัวเอง เชื่อ“หญิงอ้อ”เข้าประเทศเพื่อคุมเกมได้สะดวก เผยสถานการณ์อึมครึม แก๊งป่วนแพร่ข่าว“ป๋าเปรม”ลาออกทำลายประธานองคมนตรี พร้อมถามกลับ “ป๋าเหนาะ” เคยประณามทักษิณแต่ไปร่วมรัฐบาลกับนอมินีทักษิณ สมควรถูกด่าหรือไม่


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย  คำนูณ สิทธิสมาน, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 9 ม.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงกรณีที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน จะยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สอบสวนกรณีที่ กกต.คนหนึ่ง ไม่ยอมคืนสำนวนคดีทุจริตเลือกตั้งที่เชียงราย จนกระทั่งสำนวนรั่วไหลไปถึง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชน

โดยผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า คดีของนายยงยุทธนั้นถือเป็นประเด็นศูนย์กลางของสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ การแจกใบเหลืองใบแดงดูจะไม่สำคัญต่อการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากทั้งพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของพรรคพลังประชาชนเป็นที่เรียบร้อย ตัวเลขมันคงไม่หายไปไหนมาก สิ่งที่สำคัญน่าจะอยู่ที่การแถลงผลการพิจารณาคดีนายยงยุทธของ กกต.ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ ขณะเดียวกันเชื่อว่า กกต.จะพิจารณาเนื้อหาว่าจะสามารถเป็นเหตุนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่

“ต้องดูว่า กกต.จะตัดสินในชั้นต้นเลย หรือตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกหนึ่งชุด เพื่อพิจารณาเนื้อหาว่าจะสามารถเป็นเหตุนำไปสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคหรือไม่ วันนี้กระแสในหมู่คนรักทักษิณรักพรรคพลังประชาชน เริ่มหวั่นไหวกลัวคดีดังกล่าวจะนำไปสู่การยุบพรรค แม้พวกเขาจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่านายยงยุทธชี้แจงได้ ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ห่วงคดีนอมินีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ไปยื่นต่อศาลฎีกามากกว่าก็ตาม”

ผู้ดำเนินรายการยังตั้งข้อสังเกตการออกมาแถลงข่าวตอบโต้สำนวนคดีซื้อเสียงของนายยงยุทธว่า ที่นายยงยุทธอ้างว่าเขาถูกล่อซื้อนั้น ความจริงคนที่โดนล่อซื้อก็ถือว่ามีความผิด นอกจากนี้การรีบออกมาแถลงข่าวตอบโต้ทั้งที่การสอบสวนยังดำเนินการอยู่ ก็ถือว่ามีพิรุธ เพราะ กกต.ยังไม่ระบุผิดถูก การออกมาตีโพยตีพายว่าถูกกลั่นแกล้ง แสดงว่านายยงยุทธไม่มั่นใจในความยุติธรรมของ กกต. ถ้านายยงยุทธเห็นว่าผลการพิจารณาไม่ชอบธรรมก็ควรจะชี้แจงตามกระบวนการของ กกต. และน่าจะรอให้ผลออกมาก่อนได้ แต่นี่ออกมาตีโพยตีพายหากเป็นการพิจารณาในศาล มาแถลงอย่างนี้ถือว่าผิด

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า นายยงยุทธไม่ควรทำให้บ้านเมืองกลับไปสู่การแบ่งแยก รอให้เป็นที่ประจักษ์ตามพยานหลักฐานก่อน หากไม่พอใจก็ต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายได้อีก บางครั้งบ้านเมืองเราปล่อยให้ใครต่อใครทำอะไรได้ตามใจชอบ ขณะที่อีกฝ่ายที่มีข้อมูลก็พยายามให้เกียรติ ไม่พูดมาก แต่คนที่สมควรจะรอ กลับพูดโยงให้เป็นเรื่องของการถูกใส่รายป้ายสี เป็นไปได้หรือไม่ที่นายยงยุทธ ดูสำนวนที่ กกต.มีอยู่ แล้วมองว่าเสียเปรียบ นายยงยุทธ เลยรีบออกมากล่าวอ้างว่า ประจักษ์พยานที่ถูกระบุนั้นถูกสร้างขึ้นมา

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงเส้นทางเติบโตของนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำรถตู้ของหน่วยงานไปรับส่งหัวคะแนนพรรคพลังประชาชนตามที่ปรากฏในสำนวนคดีทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ โดยกล่าวว่า นายบุญชอบนั้น ผูกพันกับนักการเมืองโดยเฉพาะกับนายยงยุทธ ทำให้มีความก้าวหน้าในอาชีพการงานอย่างต่อเนื่อง

จากที่เคยเป็นปลัดอำเภอที่เชียงราย เคยถูกร้องเรียนเรื่องทุจริตแต่ก็หลุดรอดมาได้ แถมยังได้ย้ายเข้ามาอยู่สำนักนายกรัฐมนตรีในช่วงที่นายยงยุทธเป็นเลขาธิการนายกฯ และเมื่อนายยงยุทธได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ นายบุญชอบก็ย้ายไปอยู่กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และได้เป็นผู้อำนวยการ ซี 9 ขณะอายุเพียง 44 ปีเท่านั้น แม้หลังการปฏิวัติ 19 กันยาฯ แล้ว รัฐบาลใหม่ก็ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะนายบุญชอบเป็นคนดีมาก ก็เป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้ห่วยมาก

สำหรับการที่นายบุญชอบให้รถของทางราชการไปรับส่งหัวคะแนนของพรรคพลังประชาชนนั้น ผิดกฎหมายเลือกตั้งแน่นอน ฐานเป็นข้าราชการแล้วใช้อำนาจหน้าที่เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด นอกจากนี้หากโยงไปถึงนายยงยุทธว่ามีส่วนรู้เห็นด้วย ก็อาจต้องพิจารณาว่าจะเข้าข่ายถูกยุบพรรคด้วยหรือไม่ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้สมควรถูกตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน นางยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ควรจะใช้โอกาสนี้สร้างผลงานชิ้นสุดท้ายซึ่งอาจจะเป็นชิ้นเดียวที่ได้ทำ

**แฉไอ้โม่งปล่อยข่าวลือทำลาย “ป๋า”

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เหมือนไม่มีอะไร แต่มันเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ยอดขึ้นมานิดเดียว ภาพภายนอกดูเหมือนว่าพรรคพลังประชาชนได้ชัยชนะแล้ว แต่ในความเป็นจริงพวกเขายังไม่มีความมั่นใจ การให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้ามาในประเทศนั้น เชื่อว่าเป็นการเข้ามาเพื่อเตรียมการหลายสิ่งหลายอย่าง เพราะการอยู่ในต่างประเทศทั้งสามีและภรรยาทำอะไรไม่ถนัด

“เมื่อได้คนที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดเข้ามาอย่างคุณหญิงพจมานเข้ามา ก็จะทำให้อะไรๆ มันดีขึ้น โดยเฉพาะทำให้คนทั่วไปมองว่า พวกเขามั่นใจว่าชนะแล้วจึงเดินทางกลับเข้ามา แต่ขอฟันธงไว้เลยว่า กรณีคุณยงยุทธที่ผลจะออกมาในทางใดทางหนึ่งวันศุกร์นี้สำคัญอย่างยิ่ง ต่อสถานการณ์ของทั้ง 2 ฝ่าย”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนช่วง 2-3 วันนี้ มีการปล่อยข่าวลือในหลายลักษณะลักษณะหนึ่งเป็นการปล่อยข่าวเกี่ยวกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่าได้ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีและประธานแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นเพียงข่าวลือที่หวังจะสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมืองของกลุ่มผู้ไม่ปรารถนาดีต่อพล.อ.เปรมตามที่เคยได้พูดในรายการไปหมดแล้ว

“สถานการณ์ที่ไม่น่าวางไว้วางใจมันเกิดขึ้นวัน 2 วันมานี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลังชนฝาทั้งสองฝ่าย มันเริ่มต้นตั้งแต่เช้าวันนี้ กรณีไฟไหม้ตึกโตคิว คนที่รู้เรื่องวงใน อดคิดวิเคราะห์ไม่ได้ ตั้งแต่คุณหญิงอ้อลงจากเครื่องบินเมื่อวาน ก็มีข่าวว่าโรคห่าลงกรุงเทพฯ พอถึงกลางดึกก็เกิดไฟไหม้ตึกโคตรคิวที่คุณหญิงอ้อเคยมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เรื่องก็อาจเป็นความบังเอิญก็ได้”ผู้ดำเนินรายการกล่าว

** ถาม “ป๋าเหนาะ” สมควรถูกด่าไหม?

กรณีที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรักษากติกา อย่าดันทุรัง ไม่ใช่พอไม่ได้ดั่งใจแล้วมาด่า ให้เลิกแบ่งขั้วแบ่งภาค และให้พรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ทำไมนายเสนาะไม่ไปถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าทำไมไม่ไปรวมกับพรรคพลังประชาชน ที่เขาไม่ไปก็เพราะ เขามีหลักการว่าร่วมกันไม่ได้ เพราะคิดคนละอย่าง มีนโยบายคนละแนวทาง

“ที่เราออกมาด่า คนบางคน รวมถึงผู้ใหญ่หลายๆ คน ก็เพราะเราทำหน้าที่ของเรา เพื่อให้การเมืองบริสุทธ์ สะอาด อีกไม่กี่วันก็วันเด็กแล้ว ถ้าเด็กได้ดูข่าวการเมือง เราจะอธิบายเด็กไม่ได้ ก็คุณเสนาะไม่ใช่หรือที่เคยด่าทักษิณว่าขายชาติโกงแผ่นดิน ทำให้ให้บ้านเมืองล่มจม แต่วันนี้จะร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ทักษิณอยู่ข้างหลัง หรือเที่ยวเร่เชิญใครต่อใครไปฮ่องกง อ้างว่าไปเถอะเขาไม่ล้างแค้นแล้ว ผู้ใหญ่อย่างนี้สมควรโดนด่าไหม

ส่วนคุณบรรหารก็พูดหลายต่อหลายครั้งว่าจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ไปร่วมกับพรรคพลังประชาชนเด็ดขาด เสร็จแล้วก็อ้างว่าประเทศจะต้องเดินหน้า อ้างว่าต้องทำเพื่อส่วนรวม แล้วไปร่วมกับเขาเหยงๆ” ผู้ดำเนินรายการกล่าว

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่คุณหญิงพจมานเดินทางกลับมา ทำให้หลายๆ คนที่เคยรับใช้เริ่มออกมาฟาดงวงฟาดงาเพื่อแสดงตัวให้เห็น อย่างเช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีต ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน เขต 12 กทม. ซึ่งถูกกล่าวหาจาก คตส.ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับสินบนบ้านเอื้ออาทร 7 ล้านบาท ล่าสุดได้ออกมาตอบโต้นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส.ว่า เป็นเพราะนายแก้วสรรโกรธ ที่ตนไปหาเสียงหน้าบ้าน ซึ่งก็ถูกตอบโต้จากนายแก้วสรรทันทีว่า นายอริสมันต์ไปหาเสียงที่หน้าบ้านเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะบ้านของเขานั้นอยู่ในเขตบางแคแต่นายอริสมันต์สมัคร ส.ส.เขตตลิ่งชัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะโกรธนายอริสมันต์ในเรื่องนี้





กำลังโหลดความคิดเห็น