ปธ.กกต.บุรีรัมย์ เผย มีขบวนการป่วนเลือกตั้งใหม่ให้บัตรเสีย ยอมรับชีวิตหลัง 3 ใบแดงไม่ค่อยปกติสุข
วันนี้ (9 ม.ค.) นายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.บุรีรัมย์ กล่าวภายหลังการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงหลักฐานการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งใน จ.บุรีรัมย์ ว่า ได้เข้าชี้แจงพร้อมหลักฐาน 3 เรื่อง คือ 1.ส่งหลักฐานกรณี กกต.สั่งสอบสวนเพิ่มกรณีวีซีดีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 2.รายงานผลการสอบสวนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเขต 2 เขต 3 และเขต 4 และรายงานความคืบหน้าของการเตรียมการจัดการเลือกใหม่ในวันที่ 17 ม.ค.
สำหรับหลักฐานที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในเขต 2 เขต 3 และเขต 4 นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำผิดตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.2551 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีจำนวนมาก แต่เมื่อ กกต.พิจารณาแล้วพบว่ามีมูลประมาณ 20 เรื่อง โดย 13 เรื่องเป็นของพรรคพลังประชาชน และอีก 7 เรื่อง เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคร่วมใจไทยชาติพัฒนา โดยหลักฐานทั้งหมดจะถึงขั้นแจกใบเหลืองหรือใบแดงได้หรือไม่เป็นอำนาจของ กกต.ที่จะพิจารณา
นายเกษม เปิดเผยด้วยว่า ประเด็นสำคัญที่ตนมาชี้แจงในวันนี้ เรื่องวีซีดีหาเสียงของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการมาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนวีซีดีตามคำร้องของนายวีระ สมความคิด ที่มีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ เป็นประธาน ซึ่งในเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญและน่ากลัวกว่าการทุจริตเลือกตั้งเสียอีก อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ได้มีการทำสำนวนการทุจริตเลือกตั้ง จนพรรคพลังประชาชนได้ใบแดงที่บุรีรัมย์ 3 ใบ ยอมรับว่า ชีวิตไม่ปกติสุข อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่ลงพื้นที่ไปดูแล และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 3 ได้สั่งเจ้าหน้าที่ไปอารักขาความปลอดภัย
“ผมไม่ห่วงตัวเอง แต่ผมสงสารภรรยา กระทั่งภรรยาผมพูดกับลูกๆ ว่า หากพ่อแม่เป็นอะไรไปให้ลูกไปอยู่กับน้าๆ เพราะภายหลังที่มีเรื่องสอบใบแดง มีนักการเมืองที่มีอำนาจในบุรีรัมย์โทร.มาข่มขู่ผมว่าระวังจะไปที่ชอบ ที่ชอบ ซึ่งคนทั่วไปก็รู้ว่าคำว่าที่ชอบที่ชอบคืออะไร แต่ผมคงไม่ขอย้ายตัวเองออกไปจากพื้นที่แน่นอน จะขออยู่ทำงานให้สำเร็จเพราะอย่างไร วาระของผมก็คือ 4 ปี ซึ่งผมเพิ่งมารับราชการเมืองปี 2549 ผมทำงานในฐานะเป็น กกต.ไม่ได้มีอคติกับพรรคการเมืองใด ประวัติการทำงานของผมสามารถดูได้ว่าได้รับรางวัลทั้งระดับประเทศและระดับชาติ ซึ่งในการจัดการเลือกตั้งผมเห็นว่า หากผู้มีอำนาจหรือฝ่ายปกครองเข้มแข็งในการทำหน้าที่ กำกับดูแลเจ้าหน้าที่ของตนให้ทำงานตามหน้าที่ การทุจริตการเลือกตั้งก็จะไม่เกิด”
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งวันที่ 17 ม.ค.มีแนวโน้มว่าประชาชนในจังหวัดจะมีการบอยคอตการเลือกตั้งหรือไม่ นายเกษม กล่าวว่า ยอมรับว่า มี โดยมีทั้งการพูดว่าขอให้ไปลงคะแนนใบหมายเลขที่ได้รับใบแดง เพื่อให้เป็นบัตรเสียทั้งหมด หรือไม่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ตนยังยืนยันว่าคนบุรีรัมย์เป็นคนดีและน่ารัก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องขอความร่วมมือช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้คนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มากๆ
นายเกษม เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้กำลังดูซีดีการปราศรัยโจมตีตนเอง และ กกต.หากพบว่ามีการใส่ร้ายหมิ่นประมาทก็จะแจ้งความดำเนินคดี
