โฆษก “พลังแม้ว” โบ้ยประชาธิปัตย์ยืมมือกระบวนการยุติธรรมย่ำยี จี้ กกต.เป็นกลาง ปัดสนับสนุนม็อบประท้วง กกต.บุรีรัมย์ อ้างความรู้สึกประชาชนห้ามไม่ได้ ด้าน กฤษฎีกาเรียก กกต.แจงสำนวนใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ 8 ม.ค.นี้ ขณะที่ องค์กรกลางเจอดีถูกสอบพบใช้เงินผิดประเภทต้องเรียกคืนเงินกว่า 8 ล้านบาท
วันนี้ (4 ม.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า จากการที่ กกต.ส่งสำนวนการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของ นายประกิจ พลเดช นายรุ่งโรจน์ ทองศรี และ นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน 3 ว่าที่ ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.บุรีรัมย์ ไปให้ คณะกรรมการตรวจสอบของกฤษฎีกาพิจารณาตามกฎหมายนั้น ล่าสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งหนังสือขอให้ กกต.ไปชี้แจงสำนวนในวันจันทร์ที่ 8 ม.ค.ที่จะถึงนี้
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ไม่รับรองว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน (พปช.) 65 คน ว่า หากดูจากสถิติการไม่รับรอง ส.ส.ของ กกต.ในสมัย นายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีตประธาน กกต.จะอยู่ในจำนวนนี้จึงไม่น่าแปลกใจอะไร แต่สำหรับ กกต.ชุดนี้มีมากถึง 65 คน ประกอบการตรงกับคำพูดของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้รู้สึกแปลกใจ แต่ก็มองในแง่ดีว่า พปช.ถูกร้องเรียนเข้ามามาก จึงต้องว่ากันต่อไป และตนเชื่อว่า กกต.จะพิจารณาตามหลักฐานและจะรับรองว่าที่ ส.ส.ของ พปช.เพิ่ม
ส่วนที่มีประชาชนออกมากดดัน กกต.ที่ให้ใบแดง ว่าที่ ส.ส.เขต 1 บุรีรัมย์ ตนไม่เห็นด้วยกับการกดดัน กกต.ทุกรูปแบบอยู่แล้ว แต่การแสดงออกของประชาชนเราต้องยอมรับ รวมทั้งก็ต้องเคารพการตัดสินใจของ กกต.ด้วย แต่ในอดีต กกต.ได้วางบรรทัดฐานให้ผู้ถูกร้องมาชี้แจงกับ กกต.กลาง ซึ่งก็อยากให้ กกต.ชุดนี้ยึดหลักนี้ไว้ เพราะ กกต.กลาง มีอำนาจในการตัดสินใจและพิพากษา ดังนั้น จึงขอให้ กกต.กลางวางบรรทัดฐานให้ทุกฝ่ายสบายใจ
โฆษก พปช.กล่าวอีกว่าขณะนี้กระบวนการที่ดำเนินการอยู่ทำให้ประชาชนสับสนเพราะประชาชนเลือกพปช.เข้ามามากเป็นอันดับหนึ่ง แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับเหยียบย่ำความรู้สึก ด้วยการฟ้องพปช.ว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมทั้ง เลขาธิการพรรคปชป.ที่ออกมาพูดว่าจะมีการแขวนว่าที่ ส.ส.พปช. 60 คน ซึ่งเรื่องนี้ทำไมไม่คิดว่าคนที่เลือก พปช.จะรู้สึกอย่างไร
“วันนี้ ปชป.อหังการเพราะคิดว่าเคยทำสำเร็จ จึงยืมมือกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดความปั่นป่วนเสียหาย จึงอยากจะบอกว่าประชาชนไม่ได้ต้องการอยากรู้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะสำเร็จหรือไม่ แต่กำลังจับตามองว่าจะมีกระบวนการอะไรที่จัดการ พปช.อีก” โฆษกพรรคพลังประชาชนกล่าวอ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวภายหลังจากที่ ร.ท.กุเทพ มารับหนังสือรับรอง และได้ตรวจสอบชื่อตนเองว่าถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากในเช้านี้ นายไพโรจน์ อิสรเสรีพงษ์ ส.ส.พปช.มารับใบรับรอง แต่เอกสารรับรองการเป็น ส.ส.ที่ กกต.ออกให้กลับพิมพ์ชี่อพรรคผิดเป็นพรรคประชาธิปัตย์
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทย กล่าวภายหลังเดินทางมารับหนังสือรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต.ว่าพรรคจะมีการประชุมในวันจันทร์นี้เพื่อประมวลผลการเลือกตั้งของพรรคทั่วประเทศ รวมทั้งในพื้นที่ ที่ กกต.ยังไม่รับรอง เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทั่วไป ส่วนในเรื่องของการเมืองหรือการจับขั้วรัฐบาลนั้นคิดว่าคงจะไม่มีการพูดในขณะนี้เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม และตัวเลข ส.ส.ยังไม่นิ่ง ซึ่งต้องรอให้ กกต.มีความชัดเจน อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้พรรคชาติไทยยังไม่มีการหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดิน
เมื่อถามว่า ยังยืนยันที่จะจับมือกับพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้รอความชัดเจน เพราะตัวเลขยังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ แต่ขณะนี้พรรคชาติไทยก็ยังรวมอยู่กับเพื่อแผ่นดิน ส่วน 65 ว่าที่ ส.ส. พปช.ที่ กกต.ยังไม่รับรองนั้น ก็ยังประเมินไม่ได้ว่าทั้งหมดจะถูกใบเหลือง-แดงหรือไม่ แต่ไม่เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก
“สถานการณ์ขณะนี้คงไม่เหมาะสมที่จะพูดเรื่องจับขั้วรัฐบาล และสำหรับว่าที่สส.ที่กกต.แขวนทั้ง 83 คนนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะได้ใบเหลืองหรือใบแดงทั้งหมด เพราะอาจจะไม่มีการให้ใบเหลืองหรือใบแดงเลยก็ได้ ซึ่งหลังจากที่เปิดสภาหาตัวประธานสภาฯ แล้วก็ยังมีเวลาอีก 30 ในการสรรหานายกรัฐมนตรีเพราะฉะนั้นต้องขอบอกว่าขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง และเวลานี้จะแน่ใจได้อย่างไรว่า กกต.จะประกาศรับรอง ส.ส.ได้ครบ 95 % ภายในวันที่ 22 ม.ค.”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลาปิดการรับหนังสือรับรองปรากฏว่ามียอด ส.ส.มารับรองแล้วทั้งสิ้น 238 คน แยกเป็น ส.ส.สัดส่วน 49 คน ส.ส.เขต 189 คน โดยหลังจากนี้ กกต.จะย้ายสถานที่รับหนังสือรับรองไปเป็นบริเวณชั้น 1 ของอาคารศรีจุลทรัพย์ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับการรับลงทะเบียนเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา
การรับลงทะเบียนเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา จากการเปิดรับลงทะเบียน 2 วันที่ผ่านมาปรากฏว่า บรรยากาศการลงทะเบียนขององค์กรต่างๆ เพื่อเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นสมาชิกวุฒิสภาก็ยังคงเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยมีเพียง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.เพชรบูรณ์ ที่เสนอชื่อนางนิลวรรณ เพชระบูรณิณ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทเพชรบูรณ์อินโนเวชั่น จำกัด เพียงคนเดียว โดยนางนิลวรรณได้มีการเสนอผลงานของตนเองร่วม 100 หน้า
วันเดียวกันนายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. ด้านการมีส่วนร่วม เปิดเผยว่า ตามที่องค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้ กกต.แถลงว่าองค์กรเอกชนร่วมตรวจสอบการเลือกตั้งใดบ้างที่มีปัญหาทางการเงิน กกต.จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความโปร่งใสและถูกต้องของการใช้เงิน จากการตรวจสอบตั้งแต่ปี 2543 พบว่า กกต.ได้ให้งบประมานสนับสนุนองค์กรเอกชนตรวจสอบการเลือกตั้งทุกระดับเป็นเงิน 381 ล้านบาทเศษ และมีองค์กรที่รับเงินจาก กกต.และยังไม่ได้จัดส่งรายงานการเงินพร้อมเงินเหลือจ่าย จำนวน 14 องค์กร
สำหรับมูลนิธิองค์กรกลางฯ นั้น จากการตรวจสอบพบว่าการเลือกตั้ง ส.ว.ปี 2543 ได้งบประมาณจาก กกต. 33,493,177 บาท ในจำนวนนี้ไม่มีหลักฐานให้ตรวจสอบจำนวน 6,499,943.14 บาท และใช้จ่ายไม่ถูกต้อง 1,163,455 บาท โดยเป็นการจ่ายค่าตอบแทน ให้กับอาสาสมัครที่มีอายุไม่ครบตามกฎหมายกำหนด การจ่ายเงินค่าตอบแทนไม่แนบสำเนาบัตรประชาชน การจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เช่น สุรา เบียร์ รวมถึงการไม่จัดส่งรายงานการเงินใน 120 วัน
ขณะที่ การเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2544 มีการใช้เงินไม่ถูกต้องเป็นจำนวน 229,157.25 บาท ดังนั้นทางสำนักงาน กกต.จะแจ้งให้มูลนิธิองค์กรกลาง ดำเนินการให้ถูกต้องโดยจะขอให้ส่งเงินที่ใช้ในส่วนที่ไม่ถูกต้องจำนวน 1,392,612.25 บาทคืน และในส่วนของการเลือกตั้ง ส.ว. ที่ยังไม่ได้ส่งหลักฐานจำนวน 6,499,943 บาท นั้นก็ขอให้มูลนิธิองค์กรกลางส่งหลักฐานการใช้จ่ายแต่หากไม่สามารถหาหลักฐานได้ก็ต้องคืนเงิน ดังกล่าวแก่ กกต. ด้วย ทั้งนี้ ยังไม่ได้กำหนดเวลาในการใช้คืนเพราะยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบเท่านั้น
“การตรวจสอบความถูกต้องเป็นการดำเนินการตามคำขอของมูลนิธิองค์กรกลางฯ มิได้เกี่ยวข้องกับการที่มูลนิธิองค์กรกลางฯ ยื่นฟ้อง นางสดศรี สัตยธรรม ในข้อหาหมิ่นประมาทแต่อย่างใด และในเรื่องดังกล่าวศาลอาญาก็ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า การให้สัมภาษณ์ของนางสดศรีไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่มูลนิธิองค์กรกลางแต่อย่างใด”
/0110