ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า วานนี้ ( 4 ม.ค.) เป็นวันแรกที่ กกต. เปิดให้ส.ส.ที่ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งรอบแรก 397 คนมารับหนังสือรับรองเพื่อนำไปแสดงต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปรากฏว่าตั้งแต่ 08.00 น. บรรดาส.ส.ต่างทยอยเดินทางมารับหนังสือ ตั้งแต่ กกต.ยังจัดสถานที่สำหรับแจกใบรับรองไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ก็ยังเซ็นหนังสือรับรองยังไม่เสร็จ ทำให้ส.ส.ที่เดินทางมาต้องรอจนกระทั่งเวลา 10.00 น. .เจ้าหน้าที่ กกต.จึงได้นำรายชื่อลงนามโดยประธาน กกต.มาให้ ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.ที่เดินทางมายังสำนักงาน กกต.เพื่อรับใบรับรอง เป็นคนแรกนั้นยังมีข้อกังขาว่า ระหว่างนายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน(พปช.) และนายประมวล เอมเปีย ส.ส.จ.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ใครเดินทางมาเป็นคนแรก เนื่องจากนายประมวล ได้ชี้แจงว่า เดินทางมาก่อนนายประมวล 10 นาที โดยเดินทางมาเวลา 08.00 น.แต่ได้ไปติดต่อยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ชั้น 15 ก่อนแล้วจึงเดินทางมายังชั้น 10 ซึ่งเป็นห้องที่ กกต.ใช้สำหรับการมอบหนังสือรับรอง หลังจากนั้นก็มี ส.ส.จากพรรคพลังประชาชน(พปช.) อาทิ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นต้น
ต่อมาเวลา 10.20 น.นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 ที่ ได้เดินทางมาพร้อมกับนายกรณ์ จาติกวณิชย์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคฯ และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกหลายคน โดย ได้นั่งรอที่ห้องรับรองที่อยู่คนละซีกกับห้องที่ใช้สำหรับรับหนังสือรับรอง ระหว่างนั้น นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) และส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 ได้เดินทางมาพร้อมกับ ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคน และนายสมัครได้ตรงไปยังห้องรับหนังสือรับรองทันที
ขณะเดียวกันเมื่อนายอภิสิทธิ์ได้ออกจากห้องรับรองเพื่อเข้าไปรับหนังสือรับรอง ปรากฏว่า นายสมัครและ ส.ส.พรรคพลังประชาชนอยู่ในห้องก่อนแล้ว นายอภิสิทธิ์ จึงยกมือไหว้นายสมัคร โดยนายสมัครก็รับไหว้ แต่ไม่ได้คุยกันแต่อย่างใด จากนั้นนายอภิสิทธิ์ก็นำ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ปลีกตัวออกไปอยู่คนละฟากกัน ซึ่งทั้ง 2 คนปฏิเสธให้สัมภาษณ์โดยอ้างว่า อยู่ในช่วงไว้อาลัยจึงของดให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า “วันนี้ผมต้องของดให้สัมภาษณ์ เพราะต้องรักษาคำพูดตามที่เคยประกาศไว้” ภายหลังที่นายสมัครและนายอภิสิทธิ์ ได้เซ็นรับหนังสือรับรองแล้วได้ออกจากห้องในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้ยืนรอลิฟท์กันคนละตัว
ส่วนบรรยากาศที่รัฐสภา ตั้งแต่เช้า ได้มี ส.ส.ที่ได้รับใบรับรองคุณสมบัติการเป็น ส.ส.จาก กกต. เดินทางเข้ามารายงานตัวที่สภาผู้แทนราษฎรกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นส.ส.ของพรรคพลังประชาชน โดยนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชนได้เดินทางมาแสดงตนเป็นคนแรก ต่อมาเวลา 10.55 น. นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาแสดงตนพร้อมกับทีมส.ส. ของพรรค อาทิ นายเจริญ คันธวงศ์ นายประกอบ จีรกิติ นายวิฑูรย์ นามบุตร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายธนา ชีระวินิจ นายสรรเสริญ สมะลาภา นายสกลธี ภัททิยกุล
ในเวลาใกล้เคียงกัน นาย สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้เดินทางมาแสดงตนพร้อมกับทีม ส.ส.ของพรรคเช่นกัน อาทิ นาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ โดยกลุ่มของนายอภิสิทธิ์และนายสมัคร ต่างแยกกันรายงานตัวอยู่คนละมุม
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกประเภทรวมทั้งวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐสภา โดยระบุว่าจะไม่พูดเรื่องการเมือง เอาไว้โอกาสที่เหมาะสมค่อยพูด ขณะที่นายสมัครปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อแต่ได้ไปออกรายการวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐสภา
ส่วนพรรคการเมืองอื่นมีส.ส.มารายงานตัวประปราย ไม่คึกคักเท่าที่ควร อาทิ นาง อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคมัชฌิมาธิปไตย นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน ขณะที่พรรคอื่นยังไม่มีส.ส.เดินทางมา รายงานตัว โดยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นาย เสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช แจ้งว่าจะยังไม่เดินทางมาแสดงตนในสัปดาห์นี้
ในช่วงยังคงมีส.ส.ที่ได้รับการรับรองผลการเลือกตั้งได้ทยอยเดินทางมา รายงานตัวและแสดงตนที่รัฐสภาอย่างต่อเนื่อง โดยในสวนของพรรคพลังประชาชน มีนายวุฒิพงศ์ และนางจิตติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังมีร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 บุตรชายนายเสริมศักดิ์ และนาง ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช น.ส. วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย เขต 2 น.ส. พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี เขต 2 และพ.ต.ท. กานต์ เทียนแก้ว ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีนาย ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ พ.อ.วินัย สมพงษ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 5 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นางนาถยา เบญจศิริวรรณ นาง เจิมมาศ จึงเลิศศิริ นางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ นางอรอนงค์ คล้ายนก นางนันทพร วีรกุลสุนทร ส.ส.กทม. นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง
พรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ได้มารายงานตัวพร้อมกับบุตรชายคือนายภราดร ปริศนานันทกุลที่ได้เป็นส.ส.อ่างทอง สมัยแรก
พรรคมัชมาธิปไตย มีนาง อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 3 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ส.ส.นครราชสีมา ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน มีนายนรพล ตันติมนตรี ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 นาย สุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1
สำหรับตัวเลขส.ส.มารายงานตัวล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. มี ส.ส.มารายงานตัวแล้ว 177 คน
นายโสภณ เพชรสว่าง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เขต 1 จ.บุรีรัมย์ หลังพรรคพลังประชาชนโดนใบแดง ว่าทางพรรคมีมติให้สู้เต็มที่ ซึ่งขณะนี้นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกำลังหารือว่าจะตั้งใครเป็นกรรมการขึ้นมาดูแลการเลือกตั้งซ่อม เพราะเชื่อว่ายังมีเขตอื่นอีก เช่น บุรีรัมย์ เขต 2 ที่อาจมีใบเหลือง ใบแดงอีก เพราะมีการแจกซีดีจำนวนมาก ใช้เงินมาก ซึ่งมีการร้องเรียนเข้าไปแล้ว
“ผมอยากให้ กกต. ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ราชการดูแลเรื่องการซื้อเสียง อย่างจริงจัง จับกุมเมื่อมีเหตุทันที เพราะที่ผ่านมาทำกันแบบไม่กลัวกฎหมาย ถ้าทำจริงจัง จะเป็นแบบอย่างในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นต่อไปด้วย”
นายโสภณ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องนำไปชี้แจงประชาชนในการเลือกตั้งซ่อมจะเน้นให้เห็นว่าเมื่อ ส.ส.พรรคพลังประชาชนโดนใบแดง ก็จะส่งใหม่ไม่ได้ เท่ากับการเลือกตั้งซ่อมจะอยู่ที่ตัวบุคคลไม่ใช่พรรค ซึ่งตนเชื่อว่าจะได้รับเลือกแน่นอนจากการประเมินคะแนนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา เชื่อว่า ตน นายหนูแดง วรรณกางซ้าย จากพรรคเพื่อแผ่นดิน และ นายสมนึก เฮงวาณิชย์ จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะได้รับเลือกเข้ามา อย่างไรก็ตามขณะนี้ข่าวในพื้นที่ทราบว่าพรรคพลังประชาชน จะเทคะแนนให้ผู้สมัครพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา หรือพรรคชาติไทย
ส่วนหากพรรคเพื่อแผ่นดินประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนจะมีการเทคะแนนมายังพรรคเพื่อแผ่นดินหรือไม่นั้น นายโสภณ กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดินมีแนวโน้มจะร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ประกาศเพราะอยู่ในช่วงไว้อาลัยสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ หรือแม้ในอนาคต ก็อาจมีการยุบพรรครวมกันก็ได้ เพราะนโยบายเราก็ใกล้เคียงกัน และพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็มาจากพรรคไทยรักไทยเดิม แต่แนวโน้มการร่วมรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับคะแนนของตนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่ตัวบุคคลมากกว่าพรรค และตนเชื่อว่า พื้นที่ที่ตนเคยได้รับการเลือกตั้ง จะสนับสนุนตนให้กลับมาอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.ที่เดินทางมายังสำนักงาน กกต.เพื่อรับใบรับรอง เป็นคนแรกนั้นยังมีข้อกังขาว่า ระหว่างนายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน(พปช.) และนายประมวล เอมเปีย ส.ส.จ.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ใครเดินทางมาเป็นคนแรก เนื่องจากนายประมวล ได้ชี้แจงว่า เดินทางมาก่อนนายประมวล 10 นาที โดยเดินทางมาเวลา 08.00 น.แต่ได้ไปติดต่อยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ชั้น 15 ก่อนแล้วจึงเดินทางมายังชั้น 10 ซึ่งเป็นห้องที่ กกต.ใช้สำหรับการมอบหนังสือรับรอง หลังจากนั้นก็มี ส.ส.จากพรรคพลังประชาชน(พปช.) อาทิ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นต้น
ต่อมาเวลา 10.20 น.นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 ที่ ได้เดินทางมาพร้อมกับนายกรณ์ จาติกวณิชย์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคฯ และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกหลายคน โดย ได้นั่งรอที่ห้องรับรองที่อยู่คนละซีกกับห้องที่ใช้สำหรับรับหนังสือรับรอง ระหว่างนั้น นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) และส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 ได้เดินทางมาพร้อมกับ ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคน และนายสมัครได้ตรงไปยังห้องรับหนังสือรับรองทันที
ขณะเดียวกันเมื่อนายอภิสิทธิ์ได้ออกจากห้องรับรองเพื่อเข้าไปรับหนังสือรับรอง ปรากฏว่า นายสมัครและ ส.ส.พรรคพลังประชาชนอยู่ในห้องก่อนแล้ว นายอภิสิทธิ์ จึงยกมือไหว้นายสมัคร โดยนายสมัครก็รับไหว้ แต่ไม่ได้คุยกันแต่อย่างใด จากนั้นนายอภิสิทธิ์ก็นำ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ปลีกตัวออกไปอยู่คนละฟากกัน ซึ่งทั้ง 2 คนปฏิเสธให้สัมภาษณ์โดยอ้างว่า อยู่ในช่วงไว้อาลัยจึงของดให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า “วันนี้ผมต้องของดให้สัมภาษณ์ เพราะต้องรักษาคำพูดตามที่เคยประกาศไว้” ภายหลังที่นายสมัครและนายอภิสิทธิ์ ได้เซ็นรับหนังสือรับรองแล้วได้ออกจากห้องในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้ยืนรอลิฟท์กันคนละตัว
ส่วนบรรยากาศที่รัฐสภา ตั้งแต่เช้า ได้มี ส.ส.ที่ได้รับใบรับรองคุณสมบัติการเป็น ส.ส.จาก กกต. เดินทางเข้ามารายงานตัวที่สภาผู้แทนราษฎรกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นส.ส.ของพรรคพลังประชาชน โดยนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชนได้เดินทางมาแสดงตนเป็นคนแรก ต่อมาเวลา 10.55 น. นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาแสดงตนพร้อมกับทีมส.ส. ของพรรค อาทิ นายเจริญ คันธวงศ์ นายประกอบ จีรกิติ นายวิฑูรย์ นามบุตร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายธนา ชีระวินิจ นายสรรเสริญ สมะลาภา นายสกลธี ภัททิยกุล
ในเวลาใกล้เคียงกัน นาย สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้เดินทางมาแสดงตนพร้อมกับทีม ส.ส.ของพรรคเช่นกัน อาทิ นาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ โดยกลุ่มของนายอภิสิทธิ์และนายสมัคร ต่างแยกกันรายงานตัวอยู่คนละมุม
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกประเภทรวมทั้งวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐสภา โดยระบุว่าจะไม่พูดเรื่องการเมือง เอาไว้โอกาสที่เหมาะสมค่อยพูด ขณะที่นายสมัครปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อแต่ได้ไปออกรายการวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐสภา
ส่วนพรรคการเมืองอื่นมีส.ส.มารายงานตัวประปราย ไม่คึกคักเท่าที่ควร อาทิ นาง อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคมัชฌิมาธิปไตย นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน ขณะที่พรรคอื่นยังไม่มีส.ส.เดินทางมา รายงานตัว โดยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นาย เสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช แจ้งว่าจะยังไม่เดินทางมาแสดงตนในสัปดาห์นี้
ในช่วงยังคงมีส.ส.ที่ได้รับการรับรองผลการเลือกตั้งได้ทยอยเดินทางมา รายงานตัวและแสดงตนที่รัฐสภาอย่างต่อเนื่อง โดยในสวนของพรรคพลังประชาชน มีนายวุฒิพงศ์ และนางจิตติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังมีร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 บุตรชายนายเสริมศักดิ์ และนาง ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช น.ส. วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย เขต 2 น.ส. พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี เขต 2 และพ.ต.ท. กานต์ เทียนแก้ว ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีนาย ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ พ.อ.วินัย สมพงษ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 5 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นางนาถยา เบญจศิริวรรณ นาง เจิมมาศ จึงเลิศศิริ นางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ นางอรอนงค์ คล้ายนก นางนันทพร วีรกุลสุนทร ส.ส.กทม. นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง
พรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ได้มารายงานตัวพร้อมกับบุตรชายคือนายภราดร ปริศนานันทกุลที่ได้เป็นส.ส.อ่างทอง สมัยแรก
พรรคมัชมาธิปไตย มีนาง อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 3 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ส.ส.นครราชสีมา ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน มีนายนรพล ตันติมนตรี ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 นาย สุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1
สำหรับตัวเลขส.ส.มารายงานตัวล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. มี ส.ส.มารายงานตัวแล้ว 177 คน
นายโสภณ เพชรสว่าง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เขต 1 จ.บุรีรัมย์ หลังพรรคพลังประชาชนโดนใบแดง ว่าทางพรรคมีมติให้สู้เต็มที่ ซึ่งขณะนี้นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกำลังหารือว่าจะตั้งใครเป็นกรรมการขึ้นมาดูแลการเลือกตั้งซ่อม เพราะเชื่อว่ายังมีเขตอื่นอีก เช่น บุรีรัมย์ เขต 2 ที่อาจมีใบเหลือง ใบแดงอีก เพราะมีการแจกซีดีจำนวนมาก ใช้เงินมาก ซึ่งมีการร้องเรียนเข้าไปแล้ว
“ผมอยากให้ กกต. ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ราชการดูแลเรื่องการซื้อเสียง อย่างจริงจัง จับกุมเมื่อมีเหตุทันที เพราะที่ผ่านมาทำกันแบบไม่กลัวกฎหมาย ถ้าทำจริงจัง จะเป็นแบบอย่างในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นต่อไปด้วย”
นายโสภณ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องนำไปชี้แจงประชาชนในการเลือกตั้งซ่อมจะเน้นให้เห็นว่าเมื่อ ส.ส.พรรคพลังประชาชนโดนใบแดง ก็จะส่งใหม่ไม่ได้ เท่ากับการเลือกตั้งซ่อมจะอยู่ที่ตัวบุคคลไม่ใช่พรรค ซึ่งตนเชื่อว่าจะได้รับเลือกแน่นอนจากการประเมินคะแนนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา เชื่อว่า ตน นายหนูแดง วรรณกางซ้าย จากพรรคเพื่อแผ่นดิน และ นายสมนึก เฮงวาณิชย์ จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะได้รับเลือกเข้ามา อย่างไรก็ตามขณะนี้ข่าวในพื้นที่ทราบว่าพรรคพลังประชาชน จะเทคะแนนให้ผู้สมัครพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา หรือพรรคชาติไทย
ส่วนหากพรรคเพื่อแผ่นดินประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนจะมีการเทคะแนนมายังพรรคเพื่อแผ่นดินหรือไม่นั้น นายโสภณ กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดินมีแนวโน้มจะร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ประกาศเพราะอยู่ในช่วงไว้อาลัยสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ หรือแม้ในอนาคต ก็อาจมีการยุบพรรครวมกันก็ได้ เพราะนโยบายเราก็ใกล้เคียงกัน และพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็มาจากพรรคไทยรักไทยเดิม แต่แนวโน้มการร่วมรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับคะแนนของตนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่ตัวบุคคลมากกว่าพรรค และตนเชื่อว่า พื้นที่ที่ตนเคยได้รับการเลือกตั้ง จะสนับสนุนตนให้กลับมาอีก