ว่าที่ ส.ส.ที่ได้รับการประกาศรับรองจาก กกต.ต่างทยอยมารับเอกสารการรับรองการเป็น ส.ส.เป็นวันแรก กันอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า จนต้องขยายห้องรับ ขณะเดียวกันบรรยากาศที่อาคารรัฐสภาก็มีการเตรียมสถานที่รองรับการรายงานตัวกันอย่างคึกคักเช่นเดียวกัน
วันนี้ ( 4 ม.ค.) ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันแรกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ให้ ส.ส.ที่ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งรอบแรกจำนวน 397 คนมารับหนังสือรับรองเพื่อนำไปแสดงต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรปรากฏว่าตั้งแต่ 08.00 น. บรรดาส.ส.ต่างทยอยเดินทางมารับหนังสือ ตั้งแต่กกต.ยังสถานที่สำหรับแจกใบรับรองไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งนาย อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ก็ยังเซ็นหนังสือรับรองยังไม่เสร็จ ทำให้ส.ส.ที่เดินทางมาต้องรอจนกระทั่งเวลา 10.00 น. .เจ้าหน้าที่ กกต.จึงได้นำรายชื่อลงนามโดยประธาน กกต.มาให้ ส.ส.
ทั้งนี้ ส.ส.ที่เดินทางมายังสำนักงาน กกต.เพื่อรับใบรับรองเป็นคนแรกนั้นยังมีข้อกังขาว่า ระหว่างนาย กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน(พปช.) และนาย ประมวล เอมเปีย ส.ส.จ.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ใครเดินทางมาเป็นคนแรก เนื่องจากนายประมวล ได้ชี้แจงว่า เดินทางมาก่อนนายประมวลเป็นเวลา 10 นาที โดยเดินทางมาเวลา 08.00 น.แต่ได้ไปติดต่อยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ชั้น 15 ก่อนแล้วค่อยเดินทางมายังชั้น 10 ซึ่งเป็นห้องที่ กกต.ใช้สำหรับการแจกหนังสือรับรอง หลังจากนั้นก็มี ส.ส.จากพรรคพลังประชาชน(พปช.) อาทิ นาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 นาย สมชาย วงษ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค พล.ต.อ. สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นต้น
ต่อมาเวลา 10.20 น.นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 ที่ ได้เดินทางมาพร้อมกับนายกรณ์ จาติกวณิชย์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 นาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคฯ และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกหลายคน และได้นั่งรอที่ห้องรับรองที่อยู่คนละซีกกับห้องที่ใช้สำหรับรับหนังสือรับรอง โดยระหว่างนั้นนาย สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) และส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 ได้เดินทางมาพร้อมกับ ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคน และนายสมัครได้ตรงไปยังห้องรับหนังสือรับรองทันที
ขณะเดียวกันเมื่อนายอภิสิทธิ์ได้ออกจากห้องรับรองเพื่อเข้าไปรับหนังสือรับรอง ปรากฏว่า นายสมัครและ ส.ส.พปช.อยู่ในห้องก่อนแล้ว นายอภิสิทธิ์จึงยกมือไหว้นายสมัคร โดยนายสมัครก็รับไหว้ แต่ไม่ได้คุยกันแต่อย่างใด จากนั้นนายอภิสิทธิ์ก็นำ ส.ส.ปชป.ปลีกตัวออกไปอยู่คนละฟากกับ ส.ส.พปช. ซึ่งทั้ง 2 คนปฏิเสธให้สัมภาษณ์โดยอ้างว่า อยู่ในช่วงไว้อาลัยจึงของดให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า “วันนี้ผมต้องของดให้สัมภาษณ์ เพราะต้องรักษาคำพูดตามที่เคยประกาศไว้” ภายหลังที่นายสมัครและนายอภิสิทธิ์ได้เซ็นรับหนังสือรับรองแล้วได้ออกจากห้องในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งฝ่ายได้ยืนรอลิฟท์กันคนละตัว
นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ผู้สมัครส.ส. เขต 3 จ.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน นำเอกสารหลักฐานพร้อมด้วยสำเนาภาพถ่ายที่นาย พินิจ จารุสมบัติ และนาย เอกภาพ พลซื่อ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ช่วย นายนพดล พลซื่อ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคเพื่อแผ่นดินหาเสียงโดยผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี อีกทั้งมีการแจกเงิน 150 บาทให้กับประชาชนด้วย
นายนิรันดร์ กล่าวว่า ตนได้ร้องเรียนไปยังกกต. จ.ร้อยเอ็ดแล้วตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. แต่ กกต.จังหวัดทำงานลักษณะหมกเม็ด ไม่ส่งเรื่องมายังกกต.กลาง จนทำให้ กกต. กลางให้การรับรองนาย นพดล เป็น ส.ส. ไม่ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนของตน จึงไม่เข้าใจว่า กกต. จะเล่นงานพรรคพลังประชาชนเพียงอย่างเดียวหรืออย่างไร ต้องมาขอความเป็นธรรม เพราะกรณีดังกล่าวส่อเค้าว่า กกต. ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง
ด้าน นายเสน่ห์ เลาหะพานิช และนาย ตระกูล จันทร์แจ่มใส ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สระบุรี พร้อมด้วยประธาน และกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 3 หมู่ที่ 5,9 ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้นำหลักฐาน เป็นสำเนาแบบขีดผลนับคะแนน(ส.ส.31) และใบรายงานผลคะแนนของหน่วยเลือกตั้ง(ส.ส.32)มายื่นร้องคัดค้านการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ต่อ กกต. เนื่องจากพบว่า มีการกระทำทุจริต ปลอมแปลงการลงจำนวนคะแนนเสียงของผู้สมัครแต่ละรายที่ได้รับในใบรายงานผลคะแนนเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้ง ดังกล่าว ที่ส่งยังอำเภอแก่งคอย ก่อนที่จะประกาศผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง โดยมีนาย สุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมรับเรื่อง
นายเสน่ห์กล่าวว่า ในแบบขีดผลคะแนน(ส.ส.31)ของหน่วยเลือกตั้งที่ 3 ระบุชัดเจนว่าตนได้คะแนน 359 คะแนน ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร พรรคพลังประชาชน ได้คะแนน 217 คะแนน และนาย บรรฑูรย์ เกริกพิทยาคะแนนแนน 88 คะแนน ซึ่งประธาน และกรรมการประจำหน่วยยืนยันว่าได้บันทึกผลคะแนนลงในส.ส. 32 ตามจริง แต่เมื่อไปตรวจสอบที่อ.แก่งคอย กลับพบว่า ผลคะแนนที่ปรากฎ ตนได้คะแนนเพียง 3 คะแนน นายปรพล ได้ 359 คะแนน นายบรรฑูรย์ ได้ 6 คะแนน โดยคะแนนจริงที่ของตนได้รับกลับไปเป็นของ ร.ต.ปรพล
ส่วนคะแนนจริงของร.ต.ปรพล ก็ไปใส่เป็นคะแนนของน.ส. กัลยา รุ่งวิจิตชัย พรรคประชาธิปัตย์ และคะแนนของนาย บรรฑูรย์ ไปใส่ให้กับ พล.ต.ต. สมาน สุวัฑฒนะ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประธาน และกรรมการประจำหน่วยเห็นว่าไม่ถูกต้อง และ พบพิรุธว่ารายมือเขียนคะแนน และลายเซนต์ท้ายประกาศไม่ใช่ลายมือของตนเอง จึงพร้อมที่จะมาเป็นพยานให้ ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นว่า เป็นการสั่งการของผู้มีอำนาจรัฐ ที่ต้องการให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้ง การมาร้องคัดค้านครั้งนี้ตนต้องการให้ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
นายสุเมธกล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รับเรื่องไว้ แต่รู้สึกว่าเรื่องดังกล่าวได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบที่จังหวัดแล้ว คงสวนทางกัน อาจเป็นเพราะผู้สมัครใจร้องอยากทราบเรื่อง ทั้งนี้ต้องรอผลการตรวจสอบก่อน หากพบว่ามีการกระทำดังกล่าวทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ก็จะส่งเรื่องไปให้ศาลพิจารณาคดีเลือกตั้งพิจารณา เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นความเข้าใจผิดกัน
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีศาลฏีกา แผนกคดีเลือกตั้ง รับคำร้องกรณีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บุรีรัมย์ ขอให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะว่า ขณะนี้เราได้ให้สำนักกฎหมายและคดีเป็นผู้รับผิดชอบ โดยเรื่องดังกล่าวเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ กกต.ทำเพียงขอสำนวนคำร้องและคำฟ้องจากทางศาล เพื่อนำมาพิจารณาในประเด็นที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนที่กกต.จะทำคำชี้แจงเสนอต่อศาล แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมากกต.ได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งไปตามพระราชกฤษฏีกาและขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนกรณีคำร้องเรื่องการรับรองคุณสมบัตินั้นขั้นตอนดังกล่าวได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งกกต.ก็เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ร้องคัดค้านว่าที่ส.ส. และศาลฏีกาก็ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวไปแล้ว
“เมื่อกกต.เปิดรับสมัคร และมีผู้มายื่นสมัคร ก็จะเข้ากระบวนการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หากใครเห็นว่าหัวหน้าพรรคใดไม่สามารถเซ็นต์รับรองการเป็นผู้สมัคร กกต.ก็ได้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ร้องคัดค้านผู้สมัครอยู่แล้ว ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นไปตามระเบียบและกรอบกฎหมาย เรื่องนี้คงไม่น่ามีปัญหา แต่เราต้องรอเอกสารจากศาลที่จะส่งมายังกกต. และต้องดูประเด็นที่เขาร้องคืออะไร หลังจากนั้นเราก็จะทำคำชี้แจงรายละเอียดส่งไปยังศาล”
ส่วนกรณีที่กกต.ไม่รับรองส.ส.พรรคพลังประชาชนเป็นจำนวนมากและหลายฝ่ายมองว่าเป็นไปตามแผนบันไดขั้นที่ 4 ของคมช.นั้น ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน กกต.พิจารณารับรองว่าส.ส.ไปตามข้อเท็จจริงหากใครไม่มีเรื่องคัดค้านเราก็จะประกาศ หรือที่มีเรื่องคัดค้านแล้วพิจารณาว่าไม่มีมูลก็ยกคำร้อง แต่หากในเขตใดยังมีสำนวนร้องคัดค้าน และอยู่ในขั้นตอนของการสืบสอนเพื่อหาข้อเท็จจริงของอนุกรรมการ กกต.ก็ยังไม่ประกาศผลรับรอง ซึ่งหลังจากนี้สำนวนการสืบสวนก็จะทยอยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกกต. และหากสำนวนใด ไม่มีมูลความผิด กกต.ก็ทยอยประกาศรับรองผลส.ส.ไปเรื่อย แต่หากสำนวนใดมีมูลและกกต.พิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงเราก็สามารถที่จะจัดการเลือกตั้งได้อีกครั้งในวันที่ 20 ม.ค. ดังนั้นยืนยันว่าเราสามารถประกาศรับรองผลได้ภายในกำหนด 30 วันตามกฎหมายกำหนด หากไม่ทันก็สามารถไปสอยทีหลังได้
นายประพันธ์ ยังปฏิเสธว่าจำนวนว่าที่ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนที่กกต.ยังไม่ประกาศนั้นเป็นไปตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เคยออกมาพูดก่อนนี้ โดยระบุว่า กกต.ไม่ได้คำนึงถึงคำบอกเล่าของใคร แต่ดูที่เนื้องานและสำนวน พร้อมทั้งพยานหลักฐาน หากใครสุจริต เราก็ประกาศผล หากใครยังมีเรื่องร้องคัดค้านเรานำมาพิจารณา ส่วนกรณีการแจกซีดีทักษิณนั้น กกต.ได้ตั้งอนุกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ โดยแยกพิจารณาเป็นรายเขต รายสำนวน ไม่นำเรื่องดังกล่าวมารวมกัน และเราก็ไม่ได้เลือกตรวจเฉพาะพรรคพลังประชาชนแต่สอบทุกพรรค จะเห็นว่าบางพรรคกกต.ก็ยังไม่รับรองผล แต่ที่มีพรรคพลังประชาชนมาอาจเพราะได้รับเลือกตั้งเข้ามามาก
สำหรับหนังสือร้องเรียนพรรคพลังประชาชนที่ร้องพล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผบ.สันติบาล เนื่องจากไม่เป็นกลางนั้นขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้เห็นหนังสือร้องเรียนดังกล่าว แต่ที่ต้องนำตำรวจสันติบาลมาช่วยสืบสวนสอบสวนเนื่องจากมีกำลังไม่พอ จึงได้ประชุมและมีมติตั้งสันติบาลมาช่วยสืบสวนสอบสวนในคดีร้องเรียนต่างๆ ทั้งนี้เนื่องจากตำรวจสันติบาลมีอยู่ทุกพื้นที่ของประเทศไทย
ส่วนที่มีการมองว่าไม่มีหนังสือส่งตัวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายประพันธ์ กล่าวว่า การเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจสันติบาล ทางกองบัญชาการตำรวจสันติบาลได้มีหนังสือส่งตัวมาให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่ตั้งตำรวจสันติบาลขึ้นมาทำให้นาย สมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยไม่พอใจนั้น เรื่องนี้ต้องไปถามนายสมชัยเอง และวันที่มีมติตั้งสันติบาลเข้ามาร่วมสืบสวนนั้นนายสมชัยไม่ได้ร่วมประชุม แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร