คอลัมน์ : ยวนบ้านคนดัง
น้อยคนนักที่จะรู้จักและเคยเห็น “ตัวเป็นๆ” ของ “บัญชา-คามิน” คูหูดูโอการ์ตูนนิสต์ที่ยืนอยู่บนแป้นสูงสุดของแวดวงนี้มากว่าทศวรรษ เนื่องเพราะเขาทั้งคู่ไม่นิยมการเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเอง มีเพียงคนสนิทชิดเชื้อกันอย่างจริงจังเท่านั้นจึงจะล่วงรู้ว่าชายที่เดินท่อมๆ อยู่บนถนนพระอาทิตย์ คือ “บัญชา” และหนุ่มใหญ่ผู้นั่งดื่มวิสกี้เงียบๆ อยู่บนเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสจากสุวรรณภูมิมุ่งหน้าสู่สหรัฐอเมริกา หรือทวีปยุโรปในบางช่วงเวลาคือ “คามิน”
“บัญชา-คามิน” ขยายความง่ายๆ ว่าเป็นนามแฝงหรือนามปากกาของชายสองคนที่ทำงาน “ร่วมกัน” และต้องกล่าวว่าเป็นการบรรสานผสมกันอย่างลงตัวที่สุดจนเป็นที่ยอมรับกันว่าถ้าเอ่ยถึง “ผู้จัดการ” สิ่งหนึ่งที่คนอ่านจะนึก-คิดออกในชั่วเสี้ยวนาทีหลังยิงคำถามคือนามของทั้งสองคนนี้ “บัญชา-คามิน”
“บัญชา” หาใช่สิว และ “คามิน” มิใช่ “เกลื้อน” ทว่าสาเหตุที่ทำให้เขาทั้งสองเป็นที่ “ขึ้นหน้า” ของ “ผู้จัดการ” ล้วนเนื่องมาแต่ฝีมือการวาดภาพที่เจาะเข้าไปถึงขยักสมองทั้งสองข้างของแฟนคลับ และ “ไอเดีย” หรือ “แก๊ก” ประเภทช็อกโกแลตเคลือบค้อนปอนด์
ถ้าเพื่อแม้ว ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
ผู้จัดกวนล้วนเป็น คามินคิด บัญชาทำ
หากให้เปรียบเทียบเพื่อจินตนาการตาม ต้องบอกว่ารูปร่างหน้าตาและบุคลิกของ “คามิน” ละม้าย บรูซ วิลลิช ส่วน “บัญชา” เหมือนกันยิ่งกว่าแกะกับ ไมเคิล ดักลาส ดังนั้นจึงอย่าได้แปลกใจไปเลยว่าบุรุษเพศทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องใช้แป้งอังกฤษตรางู เพราะเขาทั้งคู่ “เนื้อหอม” อยู่แล้ว
“คามิน” จะแวะมาสนทนาหารือกับ “บัญชา” ที่สำนักงานภายในบ้านพระอาทิตย์สัปดาห์ละครั้ง หลังการแลกเปลี่ยนไอเดียเขาสองคนรวมทั้งทีมงานผู้จัดกวน อาทิ บักแหลม ยอด ยาหยี โป้ง 8 นิ้ว มักจะหอบหิ้ววิสกี้อายุไม่ต่ำกว่า 12 ปี ไปทึ้งทำลายในร้านประจำเป็นการ “ปิดงาน” โดยสม่ำเสมอ
“มีใครเคยทึกทักว่าคุณเป็นบรูซ วิลลิซเมืองไทยบ้างไหม” ป๋าบัญภารโรงเฒ่าแห่งผู้จัดกวนกระดกแบล็กฯ เพียวๆ เข้าปากขณะตั้งคำถามแรก
“ไม่ แต่หลายคนบอกผมเหมือนอั้ม-อธิชาติ” คามินถลกเสื้อที่แขนสั้นอยู่แล้วให้รั้งไปอยู่กึ่งกลางหัวไหล่
“หมายความว่าเขาไม่แน่ใจว่าคุณเป็นชายทั้งแท่ง” ป๋าบัญเอาข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ดารามาอำ
“เปล่า ไม่ใช่หน้าตา แต่เขาคงเห็นว่าผมก็ชายกล้ามปูเหมือนกันกับอั้ม” คามินตอบขณะเฉือนทีโบนสเต๊กใส่ปาก เคี้ยวอย่างกับพยัคฆ์ค่อยๆ ขม้ำเนื้อกวางสาว
“คุณจำเป็นต้องมีห้องทำงานหรูๆ ดูเนี้ยบหรือเปล่าเวลาทำงาน เพราะไอเดียของคุณบรรเจิดมาก”
“เครื่องมือทำงานของผมไม่ว่าจะที่ไหนผมใช้เพียงอย่างเดียวคือดินสอ ผมคิดงานได้ทุกที่ขอให้มีที่เขี่ยบุหรี่ กระดาษแล้วก็ดินสอ”
“อ้าว! บุหรี่ล่ะ ไม่จำเป็นหรือ”
“ผมขอไอ้จี๋(บัญชา) ได้ หรือไม่ก็ให้ยอด (ยาหยี) วิ่งไปซื้อ ผมขอร้องล่ะนะ คุณอย่าใช้มุกแบบนี้กับผม”
“มีคนเล่าลือว่าคุณชอบล้มโต๊ะ” ป๋าบัญหันหน้าไปทาง “บัญชา” แก้ขวย
“ผมไม่มีนิสัยเกเรหรืออันธพาลแบบนั้น...” บัญชาหยิบเนื้อแดดเดียวกับแกล้มของโปรดโยนใส่ปากเคี้ยวหยับๆ และว่า “พี่คงไปได้ข้อมูลอะไรผิดๆ มาแล้ว”
“ทำไมคุณสองคนไม่ยินยอมให้เปิดเผยหน้าตาที่แท้จริง”
“งานของผมสองคนไม่ได้ขายหน้าตา พวกเราขายความคิดและฝีมือ ผมยึดถือเคล็ดนี้มากว่ายี่สิบปีแล้ว และอันที่จริงนักการเมืองกว่าค่อนหนึ่งของประเทศนี้อยากรู้ว่าเราสองคนเป็นใคร หน้าตาดีหรือขี้ริ้วขี้เหร่แค่ไหน ผมไม่แฮปปี้กับนักการเมืองสักเท่าไรในการทำงานของพวกเขา เราสองคนจึงมีมติว่าจำเป็นต้องขัดใจคือไม่ให้นักการเมืองเห็นหน้า โอเค ถ้าบรรดานักการเมืองทำเพื่อประชาชน ประเทศชาติจริงจังวันไหน อย่าว่าแต่เปิดเผยหน้า ให้เปิดบัญชีหนี้สิ้นทั้งค้างใหม่ค้างเก่ายังได้เลย”
“คามิน” สรุปก่อนขยับปากตามเพลง “คันทรีโรด” ที่แว่วออกมาจากลำโพงของร้านอาหาร