ASTVผู้จัดการรายวัน - “ไพศาล ชีวะศิริ” เจ้าพ่อแบล็กแคท หวนคืนบัลลังก์ อัดงบ 2,000ล้านบาท สร้างโรงงานขยายกำลังผลิต เทงบตลาด 1,000 ล้านบาท จ่อปั้นแบรนด์ใหม่เหล้าไทย วิสกี้ จีน ปูพรมรีแบรนด์แบล็คแคท ปรับโพซิชั่นนิ่งเทียบวิสกี้สแตนดาร์ดชนฮันเดรด จ่อแตกไลน์ไวน์ ตั้งเป้า 3-5ปีคุ้มทุน
นายไพศาล ชีวะศิริ ประธานกรรมการ บริษัท พัฒนาทรัพย์สิน จำกัด ผู้จัดจำหน่ายแบล็กแคทวิสกี้ เปิดเผยว่า ช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท ทยอยลงทุนสร้างโรงงานพูนเพิ่มไพศาล ที่จังหวัดนครปฐม และขยายกำลังการผลิตบนพื้นที่ 200 ไร่ ซึ่งขณะนี้ได้ใช้พื้นที่ 70 ไร่ เพื่อกลับมาดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เชิงรุกในรอบ 5-6 ปี ด้วยการเปิดตัวเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ อาทิ ไวน์ สุราผสม เหล้าไทย วิสกี้และจีน และทำตลาดสินค้าที่มีร่วม 60 รายการ ได้แก่ เหล้าขาวเซี่ยงชุน ไผ่แดง , สุราผสมไผ่เขียว และแบล็กแคท วิสกี้ ในระดับอีโคโนมี ,ไวน์คูลเลอร์คลับ ฯลฯ ส่วนเบียร์บริษัทไม่มีแผนที่จะเข้าไปทำตลาด ภายใต้การใช้งบการตลาดปีนี้ 1,000 ล้านบาท รวมแล้วช่วง6 ปีนี้ใช้งบถึง 3,000 ล้านบาท
หลังจากหันไปบุกขยายตลาดต่างประเทศอย่างหนัก กระทั่งมีรายได้ต่างประเทศ 30-40% ได้แก่ พม่า เขมร สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม และกำลังจะขยายตลาดในประเทศลาว ซึ่งการหวนกลับมาบุกตลาดในประเทศ ที่มีรายได้ 60-70% ภายใต้ประสบการณ์ในวงการเหล้ามาร่วม 60 ปี และเคยทำงานในบริษัทไทยเบฟเวอเรจเกือบ 10 ปี ด้วยการเป็นผู้ปลุกปั้นสุราผสมแม่โขง
ล่าสุดได้รีแบรนด์แบล็กแคท วิสกี้ ใหม่ในรอบ 7 ปี โดยได้ปรับภาพลักษณ์สินค้า โลโก้ และปรับปรุงรสชาติใหม่ เพื่อปรับโพซิชันนิ่งจากวิสกี้ระดับอีโคโนมีสู่ระดับสแตนดาร์ด หลังจากก่อนหน้านี้ขยายตลาดส่งออกอย่างเดียว เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25-30 ปี จากปัจจุบันลูกค้าเริ่มมีอายุ 50-60 ปี เนื่องจากเป็นวิสกี้ที่อยู่ในตลาดมานานร่วมกว่า 10 ปี ปรับราคาจาก 260-270 บาท เป็น 310 บาท
ทั้งนี้เพราะสภาพวิสกี้ระดับล่างแข่งขันรุนแรง ขณะที่วิสกี้สแตนดาร์ดเป็นตลาดที่มีศักยภาพกว่า 1.6 ล้านลัง โดยฮันเดรดไพเพอร์สเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 76%
“บริษัทยังเปิดตัวเหล้าระดับอีโคโนมีแบรนด์สิงห์ทิพย์ 35 ดีกรี ขนาด 700 ซีซี วางตำแหน่งระดับเดียวกับเบลนด์ 285 จะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ รวมทั้งเปิดตัวสุราผสมอินทรีแดงและทอง 35ดีกรี รวมทั้งการวางแผนเปิดตัวไวน์ภายใต้แบรนด์”มาสเตอรี่” (Mastery) และรุกตลาดไวน์ คูลเลอร์คลับ ซึ่งในช่วง 2ปีที่ผ่านมาได้ส่งเครื่องดื่มพีคูลเลอร์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่สู่ตลาด ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณานำสินค้าที่จำหน่ายไม่ดีออกจากตลาด นอกจากนี้กำลังการผลิตของโรงงาน ยังรองรับการรับจ้างผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
ด้านการกระจายสินค้าได้ให้บริษัทในเครือ”ภูบดี ดิสทริบิวชั่น จำกัด”เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งในวันที่ 4 พฤษภาคม นี้ จะจัดงานเปิดตัวสินค้าแก่ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ปีนี้ตั้งเป้าหมายกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 10% จากมูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดจะเติบโต 5% บริษัทวางแผนจะขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หากแบล็กแคทขายดี จากปัจจุบันส่งออกไปยังเขมร ลาว พม่า และสิงคโปร์ ตั้งเป้า 3-5 ปีคืนทุน
นายไพศาล ชีวะศิริ ประธานกรรมการ บริษัท พัฒนาทรัพย์สิน จำกัด ผู้จัดจำหน่ายแบล็กแคทวิสกี้ เปิดเผยว่า ช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท ทยอยลงทุนสร้างโรงงานพูนเพิ่มไพศาล ที่จังหวัดนครปฐม และขยายกำลังการผลิตบนพื้นที่ 200 ไร่ ซึ่งขณะนี้ได้ใช้พื้นที่ 70 ไร่ เพื่อกลับมาดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เชิงรุกในรอบ 5-6 ปี ด้วยการเปิดตัวเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ อาทิ ไวน์ สุราผสม เหล้าไทย วิสกี้และจีน และทำตลาดสินค้าที่มีร่วม 60 รายการ ได้แก่ เหล้าขาวเซี่ยงชุน ไผ่แดง , สุราผสมไผ่เขียว และแบล็กแคท วิสกี้ ในระดับอีโคโนมี ,ไวน์คูลเลอร์คลับ ฯลฯ ส่วนเบียร์บริษัทไม่มีแผนที่จะเข้าไปทำตลาด ภายใต้การใช้งบการตลาดปีนี้ 1,000 ล้านบาท รวมแล้วช่วง6 ปีนี้ใช้งบถึง 3,000 ล้านบาท
หลังจากหันไปบุกขยายตลาดต่างประเทศอย่างหนัก กระทั่งมีรายได้ต่างประเทศ 30-40% ได้แก่ พม่า เขมร สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม และกำลังจะขยายตลาดในประเทศลาว ซึ่งการหวนกลับมาบุกตลาดในประเทศ ที่มีรายได้ 60-70% ภายใต้ประสบการณ์ในวงการเหล้ามาร่วม 60 ปี และเคยทำงานในบริษัทไทยเบฟเวอเรจเกือบ 10 ปี ด้วยการเป็นผู้ปลุกปั้นสุราผสมแม่โขง
ล่าสุดได้รีแบรนด์แบล็กแคท วิสกี้ ใหม่ในรอบ 7 ปี โดยได้ปรับภาพลักษณ์สินค้า โลโก้ และปรับปรุงรสชาติใหม่ เพื่อปรับโพซิชันนิ่งจากวิสกี้ระดับอีโคโนมีสู่ระดับสแตนดาร์ด หลังจากก่อนหน้านี้ขยายตลาดส่งออกอย่างเดียว เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25-30 ปี จากปัจจุบันลูกค้าเริ่มมีอายุ 50-60 ปี เนื่องจากเป็นวิสกี้ที่อยู่ในตลาดมานานร่วมกว่า 10 ปี ปรับราคาจาก 260-270 บาท เป็น 310 บาท
ทั้งนี้เพราะสภาพวิสกี้ระดับล่างแข่งขันรุนแรง ขณะที่วิสกี้สแตนดาร์ดเป็นตลาดที่มีศักยภาพกว่า 1.6 ล้านลัง โดยฮันเดรดไพเพอร์สเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 76%
“บริษัทยังเปิดตัวเหล้าระดับอีโคโนมีแบรนด์สิงห์ทิพย์ 35 ดีกรี ขนาด 700 ซีซี วางตำแหน่งระดับเดียวกับเบลนด์ 285 จะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ รวมทั้งเปิดตัวสุราผสมอินทรีแดงและทอง 35ดีกรี รวมทั้งการวางแผนเปิดตัวไวน์ภายใต้แบรนด์”มาสเตอรี่” (Mastery) และรุกตลาดไวน์ คูลเลอร์คลับ ซึ่งในช่วง 2ปีที่ผ่านมาได้ส่งเครื่องดื่มพีคูลเลอร์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่สู่ตลาด ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณานำสินค้าที่จำหน่ายไม่ดีออกจากตลาด นอกจากนี้กำลังการผลิตของโรงงาน ยังรองรับการรับจ้างผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
ด้านการกระจายสินค้าได้ให้บริษัทในเครือ”ภูบดี ดิสทริบิวชั่น จำกัด”เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งในวันที่ 4 พฤษภาคม นี้ จะจัดงานเปิดตัวสินค้าแก่ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ปีนี้ตั้งเป้าหมายกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 10% จากมูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดจะเติบโต 5% บริษัทวางแผนจะขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หากแบล็กแคทขายดี จากปัจจุบันส่งออกไปยังเขมร ลาว พม่า และสิงคโปร์ ตั้งเป้า 3-5 ปีคืนทุน