xs
xsm
sm
md
lg

“พ่อเลี้ยงเจ” ไล่ไทม์ไลน์ “สงครามไทย–เขมร” ชี้ต้นตอ MOU–แผนที่–ผลประโยชน์ทับซ้อน สะสมยาวหลายรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พ่อเลี้ยงเจ” วิเคราะห์สถานการณ์ความขัดแย้งไทย–กัมพูชา ไล่เรียงตั้งแต่ MOU 43–44 ปัญหาแผนที่เขตแดนและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ชี้ความผิดพลาดเชิงนโยบายต่อเนื่องหลายรัฐบาล เป็นชนวนสะสมที่นำไปสู่ความตึงเครียดรอบล่าสุด พร้อมตั้งคำถามรัฐบาลปัจจุบันกล้าตัดสินใจปกป้องอธิปไตยหรือไม่



จากกรณีสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง ล่าสุด ช่องยูทูบ “พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร” ได้เผยแพร่วิดีโอวิเคราะห์ในหัวข้อ “สงครามไทย–เขมร ใครต้องรับผิดชอบ?” โดยไล่เรียงไทม์ไลน์ความขัดแย้งย้อนหลังหลายทศวรรษ พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทของรัฐบาลไทยในแต่ละยุค ซึ่งผู้ดำเนินรายการชี้ว่า ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลัน แต่เป็นผลสะสมจากข้อตกลงและการตัดสินใจเชิงนโยบายมาอย่างต่อเนื่อง

“พ่อเลี้ยงเจ” ระบุว่า จุดเริ่มต้นสำคัญอยู่ที่บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน หรือ MOU 43 ซึ่งเสนอโดยกระทรวงการต่างประเทศในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงความผิดพลาดด้านเทคนิคสำคัญ คือการยอมให้ฝ่ายกัมพูชาใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ในการเจรจา ขณะที่ฝ่ายไทยยึดแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 อันเป็นมาตรฐานสากล ซึ่งอาจส่งผลต่อการตีความเส้นเขตแดนในภายหลัง

ต่อมาในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร วิดีโอได้กล่าวถึงการทำ MOU 44 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ซึ่งถูกประเมินว่ามีมูลค่าทรัพยากรจำนวนมหาศาล โดยตั้งข้อกล่าวหาว่าฝ่ายไทยไม่ได้คัดค้านเส้นลากเขตทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามหลักสากล เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนด้านพลังงาน พร้อมอ้างว่าแนวทางดังกล่าวขัดต่อพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 ซึ่งทรงยึดหลักแผนที่ 1:50,000 และกฎหมายทะเลระหว่างประเทศมาโดยตลอด

ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ดำเนินรายการตั้งข้อสังเกตถึงการนำ MOU 43 ไปจดทะเบียนกับองค์การสหประชาชาติ (UN) จนมีสถานะใกล้เคียงสนธิสัญญาระหว่างประเทศ รวมถึงกรณีพื้นที่บ้านหนองจาน ที่ถูกระบุว่าเป็น “เขตหารือร่วม” ซึ่งนำไปสู่การจับกุมนายวีระ สมคิด โดยฝ่ายวิเคราะห์มองว่า เหตุเกิดในพื้นที่ฝั่งไทย แต่การยอมรับสถานะพื้นที่ดังกล่าวกลับส่งผลเสียต่ออธิปไตย

สำหรับช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการรัฐประหาร วิดีโอระบุว่ามีการเปิดด่านถาวรหลายแห่งตามแนวชายแดน ซึ่งหลายจุดตั้งอยู่ตรงข้ามคาสิโนฝั่งกัมพูชา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า มีการปล่อยให้กัมพูชาล้ำเข้ามาในพื้นที่พิพาทมากกว่า 11 จุด โดยทหารระดับปฏิบัติถูกสั่งให้หลีกเลี่ยงการตอบโต้ จนเกิดคำถามเรื่องการรักษาอธิปไตย

ขณะที่รัฐบาลปัจจุบัน วิดีโอเชื่อมโยงนโยบาย Entertainment Complex ของไทยว่า อาจกลายเป็น “เชื้อไฟใหม่” ทำให้กัมพูชาเกิดความระแวง และนำประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกลับมากดดัน เพื่อปลุกกระแสชาตินิยมภายในประเทศ พร้อมระบุว่าสถานการณ์ลุกลามจากกรณีที่เรียกว่า “แม่ทัพกุ้ง” ซึ่งไม่ยอมรับแนวปฏิบัติเดิม และเปิดเผยข้อเท็จจริงบางประการ จนนำไปสู่ความตึงเครียดในระดับรัฐต่อรัฐ

ท้ายที่สุด ผู้ดำเนินรายการเสนอให้รัฐบาลไทยพิจารณาฉีก MOU ที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงมาแล้วหลายร้อยครั้ง แต่ฝ่ายการเมืองไทยยังไม่กล้าตัดสินใจ พร้อมวิพากษ์บางพรรคการเมืองที่เสนอให้ใช้แนวทางเจรจาหรือการนำคดีขึ้นสู่ศาลโลกผ่านกลไก UN โดยมองว่าอาจทำให้ไทยเสียเปรียบในระยะยาว

ทั้งนี้ เนื้อหาทั้งหมดเป็นการวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นจากผู้จัดรายการ ซึ่งสะท้อนมุมมองหนึ่งต่อปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ยังคงเป็นประเด็นอ่อนไหวและต้องการการจัดการอย่างรอบคอบในระดับนโยบายและการทูต


กำลังโหลดความคิดเห็น