“ดร.สุวันชัย” ชี้กระบวนการทำ MOU2543 ไม่ถูกต้อง ไม่ได้เสนอเข้า ครม.พิจารณา แต่เสนอขอนายกฯ โดยตรงเพื่อไปลงนาม ส่วน ครม.แค่รับทราบ ซ้ำยังไม่ได้ประกาศในราชการกิจจานุเบกษา ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่นายกฯ ลงมา ส่อผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และยกเป็นเหตุให้ยกเลิกตามอนุสัญญากรุงเวียนนาฯ ได้
ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม อดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอดีตสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง เขียนบทความเรื่อง “เขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา ตอนที่ 3: MOU 2543 สนธิสัญญาที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและอ้างให้เป็นโมฆะได้” เปิดเผยข้อมูลอ้างอิงจากเอกสารราชการช่วงปี 2543 ระบุว่า บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ที่ลงนามเมื่อ 14 มิถุนายน 2543 หรือ “MOU 2543” ไม่มีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบก่อนลงนาม และไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงเข้าข่ายเป็นสนธิสัญญาที่ “ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย” และอาจถือเป็นโมฆะได้
ดร.สุวันชัยระบุว่า จากข้อมูลเอกสารราชการในช่วงก่อนลงนาม พบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้ขอให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวที่กรุงพนมเปญ เป็นการทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรง แทนที่จะเสนอถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเข้า ครม.พิจารณา ทำให้ขั้นตอนผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ.2531 อีกทั้งในวันที่ 13 มิถุนายน 2543 ครม.มีเพียงมติ “รับทราบ” ไม่ได้ “เห็นชอบ” ก่อนฝ่ายไทยลงนามอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้ประกาศให้ MOU 2543 มีผลใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษา ตามหลักปฏิบัติเรื่องสนธิสัญญาอื่น ๆ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตั้งแต่ นายชวน หลีกภัย, ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์, รัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมทุกคน อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์, นายวรากร สามโกเศส รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศผู้นำหนังสือ จึงขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการช่วงปี 2543 ออกมารับผิดชอบ และขอโทษประชาชน เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในการจัดทำ MOU2543
ดร.สุวันชัยระบุอีกว่า เมื่อ MOU2543 ถูกจัดทำขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็นำไปสู่การยกเลิกได้ ตามอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969 ข้อ 46 ซึ่งเปิดช่องให้ทำได้ นอกจากนี้ การอ้างอิงให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นพื้นฐาน ซึ่งส่งผลต่อสถานะเขตแดนไทย-กัมพูชา จึงเข้าข่าย “เปลี่ยนแปลงอาณาเขต” ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 มาตรา 224 วรรคสอง แต่ไม่มีการเสนอให้รัฐสภาพิจารณา ทำให้เข้าข่ายเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรคสอง อย่างชัดแจ้ง ด้วยเหตุนี้ฝ่ายไทยสามารถอ้างให้ MOU 2543 เป็นโมฆะได้
                    

