xs
xsm
sm
md
lg

KGEN ปลื้มยอดจองรถในกลุ่มบริษัท 9,575 คัน OMODA & JAECOO มาแรงยอดโตกว่า 600%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



KGEN ปลื้มยอดจองรถในกลุ่มบริษัท 9,575 คัน OMODA & JAECOO มาแรงยอดโตกว่า 600% ขณะที่รถตู้แบรนด์น้องใหม่ FARIZON ไม่น้อยหน้า ทะลุ 300 คัน มั่นใจโชว์รูมและบริการหลังการขายทั่วถึงครอบคลุม จ่อเปิดโรงงานต้นปี 69 เดินหน้าผลิตรถในไทยพร้อมส่งออก Q1/2559

นางสาวพรทิพย์ ตรงกิ่งตอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN เปิดเผยว่า ตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) กลับมาคึกคักเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดจากงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2525 พบว่ายอดจองรถ 50% เป็นรถ EV ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่งเชิงพาณิชย์พลังงานสะอาด ได้ขยายการลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ร่วมกับ Chery และ OMODA & JAECOO เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยรวมถึงส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก ทั้งยังได้รับสิทธิเป็นผู้จำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ FARIZON ในเครือ GEELY อีกด้วย

ในงาน Motor Expo ปีนี้พบว่ายอดจองรถรวมของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 9,575 คัน ประกอบด้วย OMODA & JAECOO ยอดจอง 7,266 คัน ในขณะที่ปีที่แล้วยอดจองเพียง 1,008 คัน เพิ่มขึ้น 6,258 คัน คิดเป็น 620% ถือว่ามีอัตราการเติบโตสูงสุดในบรรดารถ EV ทั้งหมด และปัจจุบัน OMODA & JAECOO ก็ไต่ขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 3 ขณะที่ Chery มียอดจอง 2,009 แต่หากพิจารณายอดขายรวมของ Chery Group ห่างจากคู่แข่งอย่าง BYD เพียงหลักร้อยเท่านั้น ขณะที่แบรนด์น้องใหม่อย่าง FARIZON ซึ่งเป็นรถตู้อเนกประสงค์ที่เพิ่งเปิดตัวในงานก็มียอดจองถึง 300 คัน

สำหรับการให้บริการหลังการขายเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ทางกลุ่มบริษัทได้มีการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน OMODA & JAECOO มีโชว์รูมถึง 80 แห่ง ขณะที่ Chery มี 46 แห่ง และ FARIZON อยู่ระหว่างดำเนินการสร้างโชว์รูมอีกประมาณ 10 แห่ง นอกจากนี้ KGEN ยังได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ในการใช้ศูนย์บริการรถยนต์ FIT Auto จำนวน 111 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้บริการกับลูกค้าของ KGEN ได้ตามมาตรฐานผู้ผลิตรถยนต์ EV ดังนั้นมั่นใจว่าจะสามารถดูแลการบริการหลังการขายได้ครอบคลุมทุกพื้นที่

“แม้จะเพิ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยไม่นาน แต่ในตลาดการส่งออกนั้น Chery มีความแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ยาวนานถึง 23 ปี พร้อมจะเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการภายในเดือนมกราคม 2569 และจะเดินหน้าผลิตรถยนต์จริงในไตรมาสที่ 1/2569 นี้ ซึ่งโรงงานแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้มีกำลังการผลิตสูงและสามารถผลิตได้เต็มกำลัง เฟสแรกกำลังการผลิต 50,000 คัน และเฟส 2 จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 80,000 คัน ที่สำคัญการผลิตล็อตแรกนอกจากจะขายในไทยแล้ว จะมีการส่งออกไปยังต่างประเทศเพื่อดึงเงินกลับเข้าประเทศด้วย แสดงให้เห็นว่า Chery Group ไม่ได้มองเพียงการผลิตรถยนต์ในประเทศเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการส่งออกควบคู่กันไป ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตในภาคพื้นเอเซียและส่งออกทั่วโลก” ซีอีโอ KGEN กล่าว

นอกจากนี้ เป็นที่น่ายินดีที่ทางวุฒิสภาได้ให้ความสนใจ โดย ดร.สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม รองประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน และประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านพลังงานทดแทน วุฒิสภา ได้ให้เกียรติเป็นหัวหน้าคณะมาเยี่ยมชมรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มบริษัททั้ง 3 บูธ ซึ่งทราบว่าทางรัฐสภามีแผนแม่บทการขับเคลื่อนไปสู่ รัฐสภาสีเขียว (Green Parliament) มุ่งสู่การเป็น Net Zero ภายในปี 2032 หนึ่งในนั้นคือการรณรงค์ให้มีการนำรถยนต์ไฟฟ้าไปใช้ในรัฐสภามากขึ้น รวมทั้งการนำพลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนมาใช้ เพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และนำไปสู่การเป็นรัฐสภาสีเขียวอย่างยั่งยืน










กำลังโหลดความคิดเห็น