"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เตือนด้วยความหวังดี "ทอน-ทิม-เท้ง" ต้องขอโทษทหารด้วยที่เคยด้อยค่า สงครามไทย-กัมพูชาทำให้เห็นแล้วว่าทำไมต้องมีกองทัพ ชี้คนด้อยประสบการณ์-ดื้อรั้น แต่อยากจัดตั้งรัฐบาล ระบุงานการเมืองไม่ใช่งานบริษัท เจ๊งแล้วยังมีคนเซ้งต่อ แต่ประเทศไทยไม่ใช่สถานที่ฝึกงาน ที่ทำพลาดแล้วแค่มาจัดปิกนิกขอโทษ
วันนี้ (14 ธ.ค.) บนโซเชียลฯ แชร์โพสต์ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส. โพสต์บทความหัวข้อ "ปิกนิก "ขอโทษประชาชน" (แต่เที่ยวหน้า ขอเป็นรัฐบาลพรรคเดี่ยว!)" ระบุว่า "พรรคประชาชนจัดปิกนิกขอโทษประชาชนที่แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ
ยอมรับแล้วว่าเสี่ยงกับพรรคภูมิใจไทย
มั่นใจครั้งหน้าเป็นรัฐบาลพรรคเดียวจะไม่ถูกหักหลังอีก
จัดอีเวนตฺขอโทษกับเรื่องใหญ่ของประเทศแบบนี้ มันไม่ดูง่ายไปหน่อยหรือ?
แล้วยังขอเป็น “รัฐบาลพรรคเดี่ยว” อีก
ขอมากไปไหม?
ผมว่าปิกนิกครั้งนี้หัวหน้าพรรคประชาชนต้องขอโทษทหารด้วย
ตั้งแต่ ธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ) พิธา (ลิ้มเจริญรัตน์) มาถึงหัวหน้าเท้ง (ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ) คนปัจจุบัน
ยังเคยปราศรัยเมื่อสองปีก่อนว่า
"ไม่มีการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้าน หากมีการรบกันจริงก็ไม่เชื่อว่าทหารไทยจะชนะด้วย ต้องลดกำลังกองทัพ บางประเทศไม่ต้องมีกองทัพเสียด้วยซ้ำ"
อันนี้ก็พูดด้วยความอ่อนหัด อันเป็นความคิดเห็นที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งของคนที่จะมาบริหารประเทศ
สงคราม ไทย-เขมร คงได้สอนให้พรรคประชาชนเห็นแล้วว่า
"ทำไมไทยต้องมีกองทัพ มีทหารไว้เพื่อปกป้องดินแดน อธิปไตย ไม่ให้ใครรุกราน"
ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่หัวหน้าพรรคประชาชนต้องเรียนรู้ก่อนที่จะไปบริหารประเทศ
ความคิดความเชื่อของพรรคที่ด้อยประสบการณ์และดื้อรั้น แต่คาดหวังจะให้ได้รับเลือกเป็นพรรคเดียวไปจัดตั้งรัฐบาล
นับว่าประชาชนต้องระวังให้มาก
จากศึกสงครามไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ทำให้เราต้องตระหนักว่า งานการเมืองไม่ใช่งานบริษัท ผู้นำประเทศไม่สามารถทำผิดพลาดกับนโยบายใหญ่ แล้วมาเรียนรู้พัฒนา เพราะความเสียหายไม่ใช่เฉพาะทรัพย์สินเงินทอง
การเอาคนไม่มีประสบการณ์มาบริหารบริษัทเจ๊งไปยังมีคนมารับเซ้งต่อ หาคนมีประสบการณ์ เก่ง รอบรู้มาบริหารใหม่ กลับพลิกฟื้นได้กำไร
แต่หากเอามือสมัครเล่น ไม่มีประสบการณ์ มาเรียนรู้ฝึกงานบริหารประเทศเจ๊งไป มันไม่มีใครมารับเซ้งต่อนะครับ
ประเทศไทยจึงไม่ใช่สถานที่ฝึกงาน ที่ทำพลาดแล้วแค่มาจัดปิกนิกขอโทษ
แต่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบด้วยการ "ลาออก" ต่างหาก"


