ทร.ไทย–เวียดนาม กระชับความร่วมมือทางทะเล ซ้อมลาดตระเวนร่วม เส้นแบ่งเขต KC Line ย้ำสัมพันธ์แน่นแฟ้น รับมือสถานการณ์ความไม่มั่นคงในภูมิภาค
พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ รายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายทศวรรษ โดยทั้งสองประเทศได้ดำเนินความร่วมมือในหลายมิติ ทั้งในระดับผู้บังคับบัญชา การประชุมหารือด้านความมั่นคงทางทะเล และความร่วมมือด้านปฏิบัติการในพื้นที่จริง ซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองกองทัพเรือมีความแน่นแฟ้นและมีพัฒนาการที่มั่นคง
กิจกรรมร่วมที่สำคัญ ได้แก่ การฝึกลาดตระเวนร่วมในพื้นที่เส้นแบ่งเขตทางทะเล (KC Line) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจ ปรับปรุงขั้นตอนการประสานงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลความมั่นคงในทะเล นอกจากนี้ยังมี การฝึก ร่วมทางทะเล PASSEX และ การฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล SAREX ซึ่งช่วยเสริมความพร้อมของกำลังพลทั้งสองฝ่ายในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินและเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนในทะเล
ภายหลังการฝึกแต่ละครั้ง ยังมีการผลัดเปลี่ยนการส่งเรือรบแวะเยี่ยมเมืองท่าระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นการสานต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือทั้งสองประเทศ และสร้างโอกาสให้กำลังพลได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และมิตรภาพอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดกองทัพเรือเวียดนามได้นำเรือหมายเลข 264 และ 265 เดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 27–30 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเข้าเทียบที่ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ
กองทัพเรือไทยและกองทัพเรือเวียดนามตระหนักถึง ความเปลี่ยนแปลงด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ประเด็นข้อพิพาททางทะเล การละเมิดอธิปไตย การลักลอบกระทำผิดกฎหมาย อาชญากรรมข้ามชาติ และภัยคุกคามทางทะเลรูปแบบใหม่ ทั้งสองฝ่ายจึงมีความมุ่งมั่นในการ เสริมสร้างความพร้อมและยกระดับกลไกการประสานงานร่วมกัน เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือที่หลากหลายและต่อเนื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า กองทัพเรือไทยและกองทัพเรือเวียดนามมีบทบาทร่วมกันอย่างสำคัญในการ ธำรงความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย และเสถียรภาพในภูมิภาค พร้อมมุ่งผลักดันเพื่อให้เกิดพัฒนาการของแนวทางความร่วมมือ ให้มีความสอดคล้องกับภัยคุกคามและสิ่งท้าทายร่วม ด้านความมั่นคงทางทะเลของทั้งสองประเทศ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตต่อไป


