xs
xsm
sm
md
lg

ปลาหมอบัตเตอร์มาอยู่เมืองไทยได้อย่างไร? เมื่อ “ความสวยงาม” กลายเป็น “ภาระ” ต่อระบบนิเวศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตและส่งออกปลาสวยงามติดอันดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะ ปลากัดไทย ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้เลี้ยงปลาสวยงาม อุตสาหกรรมปลาสวยงามสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี วันนี้กำลังเป็นอีกหนึ่งธุรกิจดาวรุ่งสร้างเศรษฐกิจให้กับชุมชน และงานอดิเรกของผู้คนจำนวนมาก

แต่อีกด้านหนึ่งของความสวยงามในตู้ปลา คือคำถามเรื่อง “ความรับผิดชอบ” และ “ระบบควบคุม” ตั้งแต่ขั้นตอนการนำเข้า การเพาะเลี้ยง การค้าขาย ไปจนถึงการป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตต่างถิ่นเหล่านี้หลุดรอดออกไปส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศธรรมชาติ อย่างกรณีของ ปลาหมอบัตเตอร์ จากเดิมถูกนำเข้ามาเพาะเลี้ยงเพื่อขายในกลุ่มปลาสวยงาม ปลาแปลก แต่วันนี้กลับกลายเป็นอีกสายพันธุ์ที่สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศในแหล่งน้ำสำคัญของไทย

ปลาหมอบัตเตอร์ (zebra tilapia, Heterotilapia buttikoferi) มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา ประเทศกินี-บิสเซา มีลักษณะเด่นคือ ลำตัวมีลายแถบดำสลับสีขาวหรือสีเหลือง สะดุดตา และด้วยความแข็งแรง ทนทาน ปรับตัวเก่ง เคยถูกมองว่าเป็นปลาที่เหมาะแก่การเลี้ยงในตู้ แต่การเดินทางเข้าสู่แหล่งน้ำไทยของปลาหมอบัตเตอร์ไม่ได้ถูกบันทึกอย่างเป็นทางการ เฉพาะจากคำบอกเล่าของผู้ประกอบการแพปลาในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนศรีนครินทร์ มีข้อมูลสอดคล้องกันว่าพบปลาหมอบัตเตอร์ในพื้นที่มานานกว่า 20 ปี และประมาณปี 2550 มีนายทุนนอกพื้นที่นำปลาชนิดนี้เข้ามาให้เกษตรกรเพาะเลี้ยงในกระชังเขื่อนสิริกิติ์ โดยระบุว่าจะมีการรับซื้อภายหลัง คาดว่าเพื่อนำไปขายต่อในวงการปลาปลาสวยงาม

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปลาหมอบัตเตอร์กลับไม่ได้รับความนิยมตามคาด ไม่มีตลาดรองรับ ไม่มีผู้มารับซื้อ ปลาจำนวนหนึ่งจึงถูกปล่อยทิ้งลงในอ่างเก็บน้ำแทนการกำจัดอย่างถูกวิธี การกระทำดังกล่าว แม้อาจเกิดจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจผลกระทบ แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่กระจายของปลาหมอบัตเตอร์ในแหล่งน้ำธรรมชาติของไทย

ต่อมา ในช่วงปี 2553–2554 มีรายงานข่าวการแพร่ระบาดของปลาหมอบัตเตอร์ในเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าปลาชนิดนี้สามารถขยายพื้นที่และจำนวนประชากรได้ในเวลาไม่นาน จุดที่ทำให้ปลาหมอบัตเตอร์กลายเป็น “ปัญหา” แทนที่จะเป็นเพียงแค่ “ปลาต่างถิ่น” คือ นิสัยและพฤติกรรมในการดำรงชีวิตของมัน ปลาชนิดนี้ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว กินไข่และตัวอ่อนของปลาชนิดอื่น บวกกับนิสัยก้าวร้าวจึงแย่งชิงทั้งอาหารและแหล่งที่อยู่อาศัยจากปลาพื้นถิ่น ยังเป็นปลาหวงอาณาเขต โดยเฉพาะในระยะวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อน

ผู้ประกอบการแพปลาในอ่างเก็บน้ำเล่าตรงกันว่า ปลาหมอบัตเตอร์มักคอยกินอาหารที่หล่นลงไปใต้กระชังเลี้ยงปลาของเกษตรกร รวมถึงกินลูกกุ้งและลูกปลาพื้นถิ่นชนิดต่าง ๆ ส่งผลให้ชนิดพันธุ์เดิมในพื้นที่ เช่น ปลาแรด หรือปลาช้างเหยียบ มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ปลาหมอบัตเตอร์ซึ่งมีความทนทานและขยายพันธุ์ได้ดี กลับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ
ในเชิงนิเวศวิทยา ยังพบว่าปลาหมอบัตเตอร์มีนิสัยชอบขุดดินเป็นโพรงเพื่อวางไข่และหลบภัย พฤติกรรมนี้ทำให้ดินก้นอ่างน้ำถูกรบกวน รากพืชน้ำเสียหาย ส่งผลต่อโครงสร้างและสมดุลของระบบนิเวศใต้น้ำ

การมีอยู่ของปลาหมอบัตเตอร์ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสำคัญของไทย จึงเป็นกระจกที่สะท้อนถึงช่องโหว่ของระบบนำเข้าและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่างถิ่นในประเทศ ที่การนำเข้าเอเลี่ยนสปีชีส์ไม่จำเป็นต้องแจ้งหรือรายงานหน่วยงานภาครัฐ
การกำจัดปลาชนิดนี้ให้หมดไปจากอ่างเก็บน้ำทั้งสามแห่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในทางปฏิบัติ ด้วยในฐานะ “ปลาต้องห้าม” และ “ความรับผิดชอบต่อสิ่งมีชีวิตที่นำเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย”

อีกมุมหนึ่ง ปลาหมอบัตเตอร์และปลาต่างถิ่นอีกหลายชนิดยังเป็นประโยชน์ บริโภคได้ อย่างปลาหมอบัตเตอร์เป็นปลาเนื้อเยอะ รสชาติดี ปรุงเป็นเมนูได้อร่อยถูกปากคนไทย อ่างเก็บน้ำที่มีปลาหมอบัตเตอร์ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสนามของนักกีฬาตกปลา ทำให้มีกระแสใช้ “การตกปลาเพื่อบริโภค” การส่งเสริมให้เกิดนำมาใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจอย่างจริงจัง สร้างแรงจูงใจให้เกิดการจับและบริโภคอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นแนวทางช่วยควบคุมประชากรปลาต่างถิ่น ตามแนวทางการ “กิน คุม ฟื้น” ดูแลระบบนิเวศของประเทศในระยะยาว
กำลังโหลดความคิดเห็น