รมช.กต.แดนโสมเร่งกัมพูชาส่งตัวชาวเกาหลีที่ถูกควบคุมตัวกลับประเทศโดยเร็ว พร้อมย้ำต้องให้ความสำคัญกับคณะทำงานร่วมปราบสแกมเมอร์ที่ตั้งขึ้นมา ด้าน “ฮุน มาเนต” บอกห่วงภาพลบคนเขมรในสื่อเกาหลีใต้ โดนตวาดกลับต้องร่วมมือกันใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหา ขณะที่หน่วยงานอาสาสมัครเกาหลีใต้ทยอยยกเลิกภารกิจในกัมพูชาพร้อมเรียกคนกลับก่อนกำหนด
สำนักข่าวโคเรียไทมส์ รายงานว่า คณะผู้แทนจากกรุงโซล นำโดยนางคิม จินา รัฐมนตรีช่วยว่าการคนที่สอง กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ได้เข้าพบนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.เพื่อหารือปัญหาชาวเกาหลีใต้ถูกหลอกลวงและควบคุมตัวบังคับให้ทำงานโดยแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา
ระหว่างการพบปะ นายฮุน มาเนต ได้แสดงความเสียใจต่อกรณีการเสียชีวิตของชาวเกาหลีในกัมพูชาเมื่อไม่นานมานี้ และให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความพยายามในการคุ้มครองพลเมืองเกาหลีในประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์อาชญากรรมที่ชาวเกาหลีตกเป็นเป้าหมายเพิ่มสูงขึ้น
นายฮุน มาเนต กล่าวว่า เขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และเข้าใจความกังวลของรัฐบาลเกาหลี พร้อมระบุว่าทางการกัมพูชากำลังเร่งปราบปรามขบวนการหลอกลวงออนไลน์และองค์กรอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง
ในฐานะประธานคณะกรรมการปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ของกัมพูชา นายฮุน มาเนต กล่าวว่าได้สั่งการให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดขึ้น และเพิ่มความร่วมมือกับเกาหลีใต้ เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวเกาหลีในกัมพูชาตกเป็นเหยื่ออีก
คำกล่าวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กัมพูชากำลังถูกจับตามองจากรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด หลังมีชาวเกาหลีตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งมักถูกล่อลวงด้วยข้อเสนอเป็นงานค่าตอบแทนสูงแต่ไม่มีอยู่จริง ก่อนถูกบังคับให้ทำงานในขบวนการหลอกลวงออนไลน์ เช่น โทรศัพท์หลอกลวงหรือหลอกให้รัก(โรแมนซ์สแกม) ภายใต้การข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง
นางคิมเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “คณะทำงานร่วมเกาหลี–กัมพูชาเพื่อปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์” ที่มีตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเกาหลีเข้าร่วม พร้อมขอความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชาในการเร่งส่งตัวชาวเกาหลีที่ถูกควบคุมตัวในกัมพูชากลับประเทศโดยเร็ว
ตามรายงานของ AFP กัมพูชามีแผนจะส่งตัวชาวเกาหลี 59 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงทางไซเบอร์กลับประเทศในวันศุกร์ที่ 17 ต.ค.นี้
นายฮุน มาเนต ได้แสดงความกังวลต่อรายงานข่าวด้านลบเกี่ยวกับกัมพูชาในสื่อเกาหลีใต้ ซึ่งนางคิมตอบว่าทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ไขสถานการณ์และภาพลักษณ์ดังกล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีอาจพิจารณาโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาความสามารถด้านความปลอดภัยสาธารณะของกัมพูชา
โคเรียไทมส์ รายงานด้วยว่า ที่กรุงโซล ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ได้สั่งให้ลบประกาศรับสมัครงานออนไลน์ที่ล่อลวงชาวเกาหลีให้ไปทำงานในกัมพูชาโดยทันที โดยให้คณะกรรมการมาตรฐานการสื่อสารของเกาหลีใช้ระบบตรวจสอบฉุกเฉินเพื่อลบโฆษณาเหล่านั้นโดยเร็ว
ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ วี ซองลัก เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินมาตรการคุ้มครองประชาชนอย่างต่อเนื่องและติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด พร้อมเสริมว่ารัฐบาลจะตรวจสอบผ่านสถานทูตและสถานกงสุลกว่า 190 แห่งทั่วโลก เพื่อตรวจหากรณีหลอกลวงคล้ายกันที่อาจเกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ เช่น เวียดนาม ไทย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ
ท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น องค์กรต่าง ๆ ของเกาหลีหลายแห่งเริ่มลดขนาด หรือยกเลิกภารกิจอาสาสมัครในกัมพูชา ทั้งหน่วยงานท้องถิ่น มหาวิทยาลัย และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรบางแห่งได้เลื่อนหรือเรียกตัวอาสาสมัครกลับประเทศก่อนกำหนดเพื่อความปลอดภัย
เมื่อวันพุธ นายคิม ดงยอน ผู้ว่าการจังหวัดคยองกี ได้สั่งเรียกตัวคณะทูตเยาวชนด้านสภาพภูมิอากาศของจังหวัดกลับประเทศก่อนกำหนด คณะดังกล่าวมีสมาชิก 34 คน เดินทางไปกัมพูชาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม เพื่อร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งเดิมมีกำหนดถึงวันที่ 28 ตุลาคม
เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งเผยว่า “แม้ก่อนเดินทาง เราได้เปลี่ยนจุดหมายจากจังหวัดกำปอดไปกำปงสเปือ เพื่อความปลอดภัย และกำชับไม่ให้ออกนอกพื้นที่หลัง 6 โมงเย็น แต่เมื่อพิจารณาความเสี่ยงที่ยังมีอยู่ จึงตัดสินใจให้เดินทางกลับก่อนเวลา”
ในวันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ประกาศให้ภูเขาโบร์กอในจังหวัดกำปอด รวมถึงเมืองบาแวตและปอยเปต เป็นพื้นที่ห้ามเดินทาง หลังจากพบศพชายชาวเกาหลีบนภูเขาโบร์กอเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งบาแวตและปอยเปตเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มอาชญากรรมหนาแน่น
ขณะที่เทศบาลเมืองซูวอนก็ได้ประกาศยกเลิกการส่งคณะอาสาสมัครไปยังเสียมราฐ เมืองพี่เมืองน้องของซูวอนในปีนี้เช่นกัน โดยปกติคณะอาสาสมัครซูวอน–เสียมราฐจะเดินทางไปมาหาสู่กันทุกปีตั้งแต่ปี 2007 ยกเว้นช่วงโควิด-19 และเดิมมีแผนส่งอาสาสมัครราว 80 คน รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 3 พฤศจิกายน
ขณะเดียวกัน นครอินชอนได้ประกาศระงับการรับสมัครโครงการอาสาสมัครทางการแพทย์ในจังหวัดกำปอด ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดในเดือนธันวาคมนี้
มหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยคังวอน และมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจจู รวมถึงองค์กรเอกชนหลายแห่งที่มีแผนโครงการอาสาสมัครเยาวชนหรือโครงการพัฒนาในกัมพูชา ก็เริ่มชะลอโครงการเช่นเดียวกัน
ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า จำนวนคดีชาวเกาหลีถูกลักพาตัวหรือกักขังโดยมิชอบในกัมพูชาเพิ่มจาก 17 คดีในปี 2023 เป็น 220 คดีในปี 2024 และพุ่งสูงถึง 550 คดีภายในเดือนสิงหาคมปีนี้ ซึ่งรวมถึงคดีที่รายงานผ่านสถานทูตกัมพูชาและที่รายงานโดยตรงถึงส่วนกลางของกระทรวงแล้ว.