xs
xsm
sm
md
lg

ชมอีกครั้ง! คลิปไทยเคยให้ "ใบบุญ" ที่พักพิงผู้ลี้ภัยกัมพูชาครึ่งล้าน นานกว่า 18 ปี สุดท้ายเจอเขมรอ้างสิทธิ์ครอบครองที่ดินไทย!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชมอีกครั้งคลิปเหตุการณ์หาดูยากย้อนรอยประวัติศาสตร์การลี้ภัยครั้งใหญ่ของชาวกัมพูชากว่าครึ่งล้านคน ที่ต้องหนีสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากยุคเขมรแดง (พ.ศ. 2518 และ 2522) เข้ามาอาศัยในค่ายอพยพตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีรัฐบาลไทยและองค์กรโลกคอยให้ความช่วยเหลือดูแลถึง 7 ค่ายอพยพหลัก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน เมื่อผู้ลี้ภัยบางส่วนไม่ยอมกลับประเทศ และมีกรณีพิพาทอ้างสิทธิ์ครอบครองและรุกล้ำที่ดินของคนไทย ซึ่งเป็นเจ้าของดั้งเดิมตามแนวชายแดน

วันนี้ (14 ต.ค.) เพจ "Army Military Force" ได้รีโพสต์เก่าที่เคยโพสต์ไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ส.ค. เป็นคลิปและข้อมูลย้อนรอยประวัติศาสตร์การลี้ภัยครั้งใหญ่ของชาวกัมพูชาหลายแสนคน ที่ต้องหนีภัยสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากยุคเขมรแดง เข้ามาพึ่งพาอาศัยในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงปี พ.ศ. 2518 และ พ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการสู้รบอย่างหนัก

ข้อมูลดังกล่าวได้รวบรวมเหตุการณ์ที่ประเทศไทยต้องเปิดรับผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล ซึ่งหนีการยึดครองพนมเปญของเขมรแดง และการโจมตีของเวียดนามในช่วงปี พ.ศ. 2522 โดยผู้ลี้ภัยทั้งหมดถูกจัดให้อาศัยอยู่ในค่ายอพยพตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งการส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ดำเนินต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ. 2536

แม้ว่าประเทศไทยจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ลี้ภัยบางส่วนกลับไม่เดินทางกลับประเทศและได้ตั้งรกรากขยายชุมชนออกมาจากค่ายเดิม จนกระทั่งในปัจจุบันได้เกิดเป็นกรณีพิพาท โดยมีชาวกัมพูชาบางกลุ่มที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอ้างสิทธิ์ครอบครองและขับไล่คนไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดั้งเดิมออกไป นับเป็นปัญหาการรุกล้ำอธิปไตยตามแนวชายแดนที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน

สถิติ 7 ค่ายอพยพหลักที่ไทยเคยให้ที่พักพิง (มีจำนวนผู้ลี้ภัยสูงสุดในช่วงนั้น

ค่ายเขาอีด่าง: ค่ายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง รองรับผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชามากถึง 260,000 คน

ค่ายสระแก้ว: ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2522 รองรับผู้ลี้ภัยประมาณ 30,000 คน

ค่ายหนองจาน: มีผู้ลี้ภัยสูงถึง 30,000 - 45,700 คน ในช่วงปี พ.ศ. 2527

ค่ายหนองเสม็ด: มีผู้ลี้ภัยมากถึง 100,000 คน ในช่วงปี พ.ศ. 2526-2527 (ถูกโจมตีและทำลายหลายครั้งโดยกองทัพเวียดนาม)

พื้นที่อพยพที่ 2 (Site 2): ค่ายขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับผู้พลัดถิ่น มีประชากรเพิ่มขึ้นจนสูงกว่า 198,000 คน

พื้นที่อพยพ บี (Site B): เป็นหนึ่งในพื้นที่พักพิงที่ใหญ่ที่สุด รองรับชาวกัมพูชา 167,000 คน

ค่ายอ่างศิลา (Site 3): เคยเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยที่ถูกย้ายมาจากค่ายหนองจาน มีผู้ลี้ภัยมากถึง 28,600 คน

นอกจากนี้ ยังมีค่ายชั่วคราวและจุดพักพิงตามแนวชายแดนอีกหลายแห่งที่ไม่ได้มีการบันทึกจำนวนที่แน่ชัดเท่าค่ายใหญ่ๆ ที่กล่าวมา

ค่ายผู้ลี้ภัยเหล่านี้ก่อตั้งและดำเนินการด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยมีบทบาทสำคัญดังนี้

รัฐบาลไทย: ให้พื้นที่และอำนาจในการจัดตั้งค่าย พร้อมทั้งร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศในการจัดหาปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น ข้าวสาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR): มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้ง ดูแลค่าย ให้ความคุ้มครอง และจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม

องค์กรระหว่างประเทศและองค์กรต่างๆ (เช่น CARE และ UN): ให้การสนับสนุนด้านมนุษยธรรม เช่น อาหาร ยารักษาโรค แพทย์ พยาบาล วัคซีน และอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ






กำลังโหลดความคิดเห็น