ค่ายเขาอีด่าง จังหวัดสระแก้ว เคยเป็นศูนย์พักพิงอันอบอุ่นสำหรับชาวกัมพูชานับแสนที่หนีภัยสงครามกลางเมือง ไทยเปิดบ้านต้อนรับด้วยน้ำใจ แบ่งปันทุกสิ่งเพื่อให้พวกเขารอดชีวิต แต่กาลเวลาผ่านไป ความทรงจำดีๆ กลับเลือนหายไปจากบางคน เมื่อปากกระบอกปืนหันกลับมายังผู้ที่เคยหยิบยื่นความช่วยเหลือ เรื่องราวของเขาอีด่างจึงเป็นบทสะท้อนถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ และเป็นเครื่องเตือนใจว่าน้ำใจที่เคยมีให้กัน ไม่ควรถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เพจ “เรื่องเล่าชาวสยาม” ออกมาโพสต์ภาพในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา มีบทหนึ่งที่สะท้อนถึงน้ำใจและความช่วยเหลือของไทยต่อเพื่อนบ้านยามยาก นั่นคือเรื่องราวของ ค่ายเขาอีด่าง จังหวัดสระแก้ว ที่เคยเป็นที่พักพิงของชาวกัมพูชานับแสนคนในช่วงสงครามกลางเมืองกัมพูชา
โดยย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2522 ท่ามกลางวิกฤตความขัดแย้งภายในกัมพูชา ประชาชนจำนวนมากต้องหนีตายข้ามพรมแดนเข้ามายังประเทศไทย ค่ายเขาอีด่างได้กลายเป็นศูนย์อพยพที่ใหญ่ที่สุด โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลไทย สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์กรนานาชาติกว่า 30 แห่ง ที่นี่ไม่เพียงเป็นที่พักพิงชั่วคราว แต่ยังเป็นเสมือนชุมชนขนาดใหญ่ที่มีโรงพยาบาล โรงเรียน และสาธารณูปโภคครบครัน
คนไทยไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ต่างหยิบยื่นความช่วยเหลือด้วยน้ำใจ แบ่งปันข้าวปลาอาหารเพื่อให้ผู้ลี้ภัยได้มีชีวิตรอด เด็กกัมพูชาหลายพันคนเติบโตขึ้นในค่ายแห่งนี้ ได้รับการศึกษาจากครูไทย และรอดพ้นจากโรคร้ายแรงอย่างวัณโรคด้วยการรักษาจากแพทย์ไทย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความหวังและน้ำใจที่หยิบยื่นให้ ภาพความโหดร้ายของสงครามยังคงไม่จางหาย กองกำลังเขมรแดงยังคงตามไล่ล่าผู้ลี้ภัยมาจนถึงแนวชายแดน และมีการฝังทุ่นระเบิดจำนวนมากเพื่อขัดขวางการหลบหนี ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
จากวันที่ประเทศไทยเคยหยิบยื่นความช่วยเหลือด้วยน้ำใจอันบริสุทธิ์ วันนี้...ความทรงจำเหล่านั้นกลับถูกบางคนหลงลืมไป เมื่อสถานการณ์กลับตาลปัตร ปากกระบอกปืนได้หันกลับมาที่ผู้ซึ่งเคยให้ที่พักพิงในยามทุกข์ยาก เรื่องราวของค่ายเขาอีด่างจึงเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ และความสำคัญของการไม่ลืมเลือนน้ำใจที่เคยมีให้กัน