กรมอุทยานฯ เผยความคืบหน้า “ข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง หลังเกิดภาวะน้ำตาลตกและอุณหภูมิลด ทีมสัตวแพทย์บึงฉวากเร่งช่วยเหลือจนปลอดภัย ล่าสุดอาการดีขึ้น กินนม-ขับถ่ายได้ปกติ พยายามยืน-เดินด้วยตัวเอง สะท้อนสัญชาตญาณต่อสู้เพื่ออยู่รอด
วันนี้ (13 ต.ค.) เพจ "กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" ได้ออกเผยความคืบหน้าของ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลงสู้ชีวิต! ทีมสัตวแพทย์เร่งฟื้นฟู หลังวิกฤตน้ำตาลตก พยายามยืน-เดินด้วยตัวเอง
ทีมสัตวแพทย์ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวากรายงานความคืบหน้าการดูแล "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลงที่กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด โดยวันนี้ (13 ต.ค. 68) พบว่าน้องช้างมีพัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องผ่านช่วงวิกฤตในช่วงบ่าย
เมื่อเวลา 15.00 น. "ข้าวต้ม" มีอาการน่าเป็นห่วงเมื่ออุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่าปกติและระดับน้ำตาลในเลือดตกลง ทีมสัตวแพทย์นำโดย สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวากและหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก พร้อมด้วย น.สพ.นภัส เสวกวรรณ จากสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ภายใน 1 ชั่วโมง ทีมสามารถนำน้องช้างกลับสู่สภาวะปกติได้สำเร็จ และที่น่าประทับใจคือ "ข้าวต้ม" แสดงความกระตือรือร้นที่จะลุกยืนและเดินด้วยตัวเองทันทีหลังฟื้นตัว
การกินได้ดี กินนม กินน้ำ และขับถ่ายได้ปกติ แม้มูลจะยังเหลวอยู่บ้าง ส่วนแผลบริเวณสะดือแห้งและใกล้หาย แผลอวัยวะเพศฟื้นฟูดี พบหนองเล็กน้อยเฉพาะบริเวณเล็บ ข้าวต้มยังคงต้องการยืน เดิน โดยพยายามถีบตัวเองให้ยืนขึ้นบ่อยครั้ง แสดงถึงสัญชาตญาณแห่งการอยู่รอดที่แข็งแกร่ง
ทีมสัตวแพทย์ใช้วิธีการรักษาหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ พยุงตัวและช่วยจับเท้ายืดเหยียด นวดกระตุ้นกล้ามเนื้อขณะฝึกเดิน ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์บำบัด และเครื่อง PMS เพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ให้โปรไบโอติกปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร และให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
แม้เส้นทางการฟื้นฟูจะยังยาวไกล แต่ความมุ่งมั่นของทีมสัตวแพทย์และความแข็งแกร่งของ "ข้าวต้ม" ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าน้องช้างจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ทางศูนย์ฯ จะรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และขอบคุณทุกกำลังใจจากประชาชนที่ติดตามและเป็นห่วง ทั้งนี้ ติดตามข่าวสารลูกช้างป่า "ข้าวต้ม" ได้ที่ ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก