xs
xsm
sm
md
lg

เปิดมุมมองคนใกล้ชิดผู้ป่วยซึมเศร้า เฉลยเหตุผล "ทำไมต้องจบชีวิตในห้าง?"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลายเป็นประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม หลังเกิดเหตุสลดมีผู้เลือกจบชีวิตในห้างสรรพสินค้าหลายครั้ง ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับผู้ป่วยซึมเศร้า ได้โพสต์บทวิเคราะห์เชิงลึกถึงสาเหตุเบื้องหลังการกระทำดังกล่าว ชี้แจงทุกข้อสงสัย ตั้งแต่เหตุผลในการเลือกสถานที่ ไปจนถึงการตีความพฤติกรรมที่ไม่ใช่แค่ "การเรียกร้องความสนใจ" แต่เป็น "สัญญาณสุดท้าย" พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่านี่คือปัญหาระดับโครงสร้างที่สังคมต้องร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่เรื่องของปัจเจกบุคคล

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Pipat Wattanapanit" ได้ออกมาโพสต์ข้อความน่าสนใจเกี่ยวกับสาเหตุที่ในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีคนคิดสั้นภายในห้างสรรพสินค้าเป็นจำนวนมาก โดยได้อาศัยประสบการณ์ตรงที่เคยใกล้ชิดกับผู้ป่วยซึมเศร้าและเห็นเหตุการณ์คนกระโดดตึกในห้างสรรพสินค้าหลายครั้ง โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า

"ในฐานะที่คนในชีวิตเป็นซึมเศร้ากันเยอะ เคยใช้ชีวิตร่วมกับผู้ป่วยและโดนทำร้ายร่างกายมาแต่เด็ก ผ่านประสบการณ์รุ่นน้องโดดตึก แล้วไปทันเห็นศพกับตา แล้วเดือนก่อนก็เพิ่งเห็นคนโดดในห้างเซ็นทรัลพระรามเก้า วันนี้เห็นว่ามีคนโดดอีก แต่เป็นอีกห้าง รวมเป็น 6 รายแล้วที่โดดในห้าง ซึ่งได้ถกเถียงประเด็นนี้กับคนรู้จักหลายคนที่ตั้งคำถามกับการกระทำนี้ เลยอยากตกตะกอนให้ทีละประเด็น (อาจมีคำหยาบคาย)

- จะโดดอะไรกันนักหนา

ตามความเข้าใจ โรคซึมเศร้าที่ถึงขั้นกระโดดตึกเลย แสดงว่าอาการมาถึงขั้นหนึ่งแล้ว ยังไงก็กู้กลับไม่ทัน และใช่ มันมีสิทธิ์เป็นพฤติกรรมเลียนแบบ คุณเข้าใจถูกแล้ว แต่โรคซึมเศร้ามันจะมีองค์ประกอบสามวงที่ทำงานร่วมกัน วงแรกคือสารในสมอง วงที่สองคือการได้รับยา วงที่สามคือสภาวะแวดล้อม สามวงนี้ต้องพังอย่างน้อยแค่วงเดียวเท่านั้น ถ้าพังมากกว่าหนึ่งวงแล้วอยู่ไปเรื่อยๆ จบที่ทำร้ายตัวเองทั้งนั้น เช่น ถ้าไม่อยากรับยา ก็ต้องปรับสารในสมองเอาเอง แก้ที่ตัวเอง เปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตเอง และสภาวะแวดล้อมต้องเอื้อช่วยด้วย ภาวะจะดีขึ้นได้ แต่ถ้าทั้งสามวงพังหมด สมองก็พัง สภาพแวดล้อมรอบตัวเหี้ยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีคนกระโดดให้ดูเป็นตัวอย่าง แถมหมอก็ไม่หา หรือไม่มีพอให้หา ยาไม่รับ ก็ไปบายได้เลย

- เรียกร้องความสนใจหรือไง

อ๋อ ถูกต้องแล้ว ไม่ได้พูดเพื่อตอกย้ำประโยคที่เป็นไปในทางลบของชาวเน็ต แต่พฤติกรรมการทำร้ายตัวเอง ส่วนใหญ่ (ย้ำว่าส่วนใหญ่) จะมีการทิ้ง Dying Signals และเป็นอาการจัดระเบียบทางจิต คือ นัยหนึ่งก็ต้องการให้รับรู้ว่าเขาได้พยายามต่อสู้บางอย่างแล้ว และทิ้งข้อความเอาไว้ให้คนข้างหลังรู้ว่าเขาจะจากไป และอยากสัมผัสโลกนี้ด้วยเท้าตัวเอง หลายรายสภาพรองเท้าจะวางเป็นระเบียบมาก ถึงขั้นบางรายจัดห้องตัวเองก่อนไปทำเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นห้องรกมาก คือเป็นภาวะทางจิตที่สงบนิ่งก่อนกระทำการ ซึ่งรวมไปถึงการทักไปหาคนรอบตัวเพื่อสั่งลาบางอย่าง โพสต์โซเชียลมีเดียก็เช่นกัน อีกนัยหนึ่งคือไม่ต้องการให้คนข้างหลังเดือดร้อน คือถอดรองเท้า ทิ้งเก้าอี้ไว้ เพื่อบอกคนมาเจอว่า จะเจอศพฉันได้ที่นี่

- คนอื่นมันจะไม่เดือดร้อนได้ยังไง มึงเล่นโดดกลางห้าง

อันนี้อย่าถามหาตรรกะหรือความเมกเซนส์นัก เพราะสมองของคนเหล่านี้ไม่ได้ทำงานตามตรรกะเท่าไหร่ แต่การกระโดดในห้าง หรือการทิ้งรองเท้า หรือเก้าอี้ พอจะเข้าใจความคิดของเขาได้ว่า เขาต้องการจัดระเบียบการตายว่าคนจะได้มาเจอ แล้วจัดการศพให้ ดีกว่าจากไปเงียบๆ แล้วไปเดือดร้อนคนอื่นภายหลัง แต่ในมุมคนปกติมองคือ ถ้าไม่อยากให้วุ่นก็อย่ากระโดดสิ ซึ่งก็เข้าใจได้ในตรรกะปกติ แต่ก็อย่างที่บอก ตรรกะเขาไม่ปกติ คือคนเครียดอยากจะกระโดดมันไม่ใช่ในละครว่าแบบ กรี๊ดดดด ฉันไม่ไหวแล้ว อย่ามาห้ามฉัน ฉันจะโดด ฮืออออ หลายรายการแสดงออกนั้นสุขุมและนิ่งกว่าในละครมาก

- ทำไมต้องมาโดดในห้าง ไปตายที่อื่นไม่ได้หรือไง

กลับไปข้อด้านบนเลย ในความคิดของเขา ในห้างคือคนเยอะ โดดปุ๊บ ตายปั๊บ คนเข้ามาจัดการได้ทันที และเรียกร้องความสนใจได้ทันที เป็นการทิ้งข้อความครั้งใหญ่ แต่คำถามนี้ จริงๆ มันมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว คือถ้าถามว่า ไปตายที่อื่นได้ไหม ต้องถามกลับว่าคือที่ไหนดีล่ะ สถานที่สาธารณะที่คนมีอาการจะสามารถเข้าถึงจริงๆ เพื่อไปตายคือที่ไหน สะพานซังฮี้ สะพานพุทธเหรอ เดินเป็นโยชน์ แต่ก็ถูก ต่อให้ไม่โดดในห้าง ก็ไปโดดที่อื่นอยู่ดี มันมีอยู่แล้ว แค่อาการทิ้ง Signal เรียกร้องความสนใจ แต่ละคนอาการก็ต่างกัน

- งั้นให้การุณยฆาตถูกกฎหมายสิ

เป็นความเข้าใจผิดขั้นรุนแรง การผ่านการุณยฆาต ไม่ใช่ใบอนุญาต ฆตต.ถูกกฎหมาย แพทย์จะไม่อนุมัติการทำการุณยฆาต หากผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้า

- พูดเหมือนปกป้องคนพวกนี้ ต้องรอให้มันหล่นใส่หัวตัวเองก่อนหรือไง
จริงๆ ก็เกือบหล่นใส่หัวมาสองครั้งแล้ว และต่อให้มันหล่นใส่หัวนี่จริงๆ มันแก้ปัญหาได้จริงหรือเปล่า เราเห็นปัญหานี้อยู่ที่ตรงไหน ไม่อยากให้คนทำร้ายตัวเอง อยากให้เปอร์เซ็นต์โรคซึมเศร้าและภาวะทางจิตป่วยในสังคมมันลด หรือแค่ไม่อยากให้ห้างอันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชนชั้นกลางชั้นบนในเมืองต้องมาอกสั่นขวัญแขวน เพราะสองมุมมองนี้ จะนำไปสู่การแก้ปัญหาต่างกัน ถ้าอยากลดภาวะสุขภาพจิตแย่ของสังคม มันต้องแก้ทั้งยวง ไม่ใช่แค่คนโดดห้าง แต่ยันครูเอาไม้บรรทัดตีเด็ก มันไม่ทำร้ายตัวเอง มันก็ทำร้ายคนอื่นต่อไป แก้ทั้งหมด

เรื่องนี้มันผลักให้เป็นปัญหาส่วนบุคคลไม่ได้ นี่ปัญหาระดับโครงสร้างรัฐ แต่ถ้าจะผลักให้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ก็กูมาเดินห้าง ช่วยไปตายที่อื่นที การที่มาบอกว่า ปกป้องนัก ก็รอให้ลงหัวมึงก่อน จริงๆ ถ้าลงหัวเราได้ ก็ลงคนอื่นได้เหมือนกันปะ ถ้าการที่มีคนหล่นใส่หัวเรา กลายเป็นอีกเรื่องต้องใช้ชีวิตเสี่ยงดวงในประเทศนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณเลย ก็น่าสนใจดี เมืองห่าผี
หรือสมมติ ถ้าจะแก้แบบปัจเจก ห้างต้องทำยังไงเหรอ ให้ รปภ.นั่งเฝ้า Balcony ทุกชั้นเหรอ เห็นใครกำลังยืนพิง มองนิ่งเหม่อลอย เข้าชาร์จเลย ไม่ได้ครับ ออกห่างครับ งี้เหรอ ไอ้โซนถ่ายรูปสวยๆ ห้างใหม่ที่เพิ่งเปิด ก็คืองดนะครับ ห้ามยืนใกล้ครับงี้เหรอ เราอยากอยู่ในห้างที่ระบบคุมเข้มแบบนั้นเหรอ หรือทุกคนที่เข้าห้าง ต้องมีใบรับรองสุขภาพจิตเหรอ ตรวจบัตรจิตก่อนเข้าห้างนะครับ งี้เหรอ

เรานึกถึง ส.ส.ที่พยายามเอาเรื่องโรคซึมเศร้าเข้าสภาอะ เพราะนางก็เป็นซึมเศร้า ส่วนคนที่วิจารณ์นางที่อยู่อีกฝั่งก็เอาโรคนางมาด่าหยาบๆ คายๆ เพียงเพราะเกมการเมืองไม่ตรงจริต ไม่ตรงหลักการกัน… นี่แหละวิธีการแก้ปัญหาแล้วมีคนผลักให้ปัญหาเป็นเรื่องปัจเจกส่วนตัว มันเป็นแบบนั้นแหละ หลายคนก็ยังชอบอยู่เลย ด่าแล้วรับไม่ได้ก็ไปตายไรงี้ นี่ไง เขามาโดดลงหัวให้แล้วจ้า

ถ้าถามส่วนตัว ที่เจอต่อหน้าต่อตามาหลายครั้ง นี่ไม่ได้แฮปปี้ ไม่ได้ชอบ ไม่ได้อยากให้ใครมาหล่นลงหัว ไม่ว่าจะห้าง ส่วนกลางคอนโดฯ สะพานซังฮี้ หรือแดกยาตายคาห้อง แต่ถ้าสภาวะองค์รวม สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน มันไม่ได้แก้ไขปัญหาต่างๆ บีบให้คนมีภาวะจิตไม่มั่นคงอยู่เรื่อยๆ จะให้ทำไง ก็กูอยู่ร่วมกับคน 65 ล้านคน กูออกไปเดินถนน ยังเจอมอเตอร์ไซค์ขับเหี้ยทุกวัน ถ้ามันจะต้องเสี่ยงมีใครจะโดดมาลงหัวตอนกูเดินเข้าห้างเพิ่ม ก็เออ ก็ได้ Market Share
ไม่เป็นไรจ้ะ แบ่ง กัน ใช้!!!

คิดว่าเป็นปัญหาไหมล่ะ ถ้าคิดว่าเป็นก็แก้ สนับสนุนคนที่เขานำเรื่องนี้ไปแก้ ช่วยส่งเสียงตามสมควร แต่ถ้าไม่เห็นเป็นปัญหา ตกใจแค่พอเป็นพิธี หลอนอะแก ไม่อยากเดินห้างแล้ว แต่อาทิตย์หน้า มึงๆ เจอกัน SF ชั้น 7 นะมึง ไรงี้ ก็…. อะเค"
กำลังโหลดความคิดเห็น