ผู้ว่าฯ สระแก้วขีดเส้น 30 วัน หลังถก GBC รอบหน้า อพยพคนกัมพูชาพ้นเขตไทยบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว พร้อมยื่น 8 ข้อเสนอ ด้านผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจยส่งต่อหน่วยเหนือพิจารณา
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 68 นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าร่วมประชุมบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อยในพื้นชายแดนกับฝ่ายกัมพูชา โดยมีนายอุม เรียไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย พร้อม พล.ต.เป็จ วรรณา รอง เจ้ากรมชายแดน กองบัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา (หน.สน.ปกท.), พล.ต.ซุน มาว รอง ผบ./ผบ.ภท.5 สน.1 (จ.บันเตียเมียนเจย) และหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรปอยเปต-คลองลึก พิกัด 48PTA3497511567 บ.กะบาลสะเปียนมวย แขวงโอวโจรว กรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย (ตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว )
โดยการประชุมดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/68 เมื่อ 10 ก.ย 68 ระหว่างไทย-กัมพูชา ณ จ.เกาะกง โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ ผวจ.สระแก้ว และ ผวจ.บันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อย ซึ่งการประชุมดังกล่าว ฝ่ายไทยได้ยื่นข้อเสนอ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ฝ่ายไทย เสนอ ตามประเด็นดังนี้
1. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยโดยกำหนดให้มวลชนของทั้งสองประเทศ ถอยห่างออกจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศตรงข้ามไม่น้อยกว่า 500 เมตร
2. ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีการปลุกระดมมวลชน พร้อมทั้งควบคุมมวลชนของประเทศตนให้อยู่ห่างจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศตรงข้าม ไม่น้อยกว่า 500 เมตร
3. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะภูมิประเทศในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของทั้งสองประเทศในทุกกรณี ในกรณีที่มีการดำเนินการไปแล้ว ให้ปรับคืนสู่สภาพเดิมภายใน 1 วันหลังการประชุม
4. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะไม่มีการเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักในพื้นที่ชายแดนทั้งสองจังหวัด
5. จังหวัดสระแก้วขอสงวนสิทธิ์ในการออกเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของคนไทย ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่อ้างสิทธิ์ของทั้งสองประเทศ
6. ประชาชนของทั้งสองประเทศสามารถเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตอธิปไตยของตนนอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ได้ โดยห้ามประชาชน ทหาร หรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าทำการขัดขวางการทำประโยชน์ดังกล่าว ทั้งนี้ หากเกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ของประเทศใด ให้เป็นหน้าที่ของประเทศนั้นต้องดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยเร็ว
7. หากไทยและกัมพูชาไม่สามารถหาข้อตกลงได้ภายใต้กลไกการหารือของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee : GBC) สมัยพิเศษ ครั้งต่อไป จังหวัดสระแก้วจะมีหนังสือแจ้งจังหวัดบันเตียเมียนเจยให้ราษฎรที่อยู่นอกเส้นอ้างสิทธิที่รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยไทยให้ย้ายออกจากพื้นที่พร้อมทรัพย์สินและสังหาริมทรัพย์บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่จังหวัดสระแก้วมีหนังสือแจ้ง หากไม่ออกจากพื้นที่ดังกล่าว จังหวัดสระแก้วจะดำเนินการตามชั้นตอนกฎหมายของราชอาณาจักรไทยต่อไป ตามที่ได้แจ้งให้ทราบแล้ว
8. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ร่วมกันระหว่างสองประเทศ เพื่อมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาทุกประเด็นด้วยสันติวิธี และหลีกเลี่ยงการปะทะ
ในส่วนฝ่ายกัมพูชา ได้ยื่นข้อเสนอฝ่ายไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามผลการประชุม ที่ กลุ่มกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย, ผลการประชุม RBC และผลการประชุม GBC
2. ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลง MOU- 43 และ TOR 2003
3. หลีกเลี่ยงการปฏิบัติที่มีผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยทั้งสองฝ่ายรอปฏิบัติตามผลการประชุม JBC
4. ทั้ง 2 จังหวัดดำเนินการตามผลการประชุม GBC
สำหรับข้อเสนอของฝ่ายไทยทั้ง 8 ข้อนั้น ฝ่ายกัมพูชายังไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้ในขณะนี้ โดยฝ่ายกัมพูชาจะนำข้อเสนอของฝ่ายไทยให้หน่วยเหนือของตนพิจารณา และจะแจ้งให้จังหวัดสระแก้วรับทราบต่อไป ทั้งนี้ ฝ่ายไทยนั้น ถ้าหากว่าทางจังหวัดบันเตียเมียนเจยไม่รับข้อเสนอข้อใดข้อหนึ่ง จังหวัดสระแก้วยังคงสงวนและจะดำเนินการต่อไปในเขตอธิปไตยและราชอาณาจักรไทย