นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนแจ้งความคดีอาญาตามมาตรา 157 ที่เคยยื่นฟ้องนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี กรณีขอพระราชทานยุบสภา โดยนายศุภชัยระบุเหตุผลว่า เมื่อมีการกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว สถานการณ์การเมืองควรเดินหน้าต่อไป โดยไม่ควรมีเรื่องบาดหมางกันอีก พร้อมทั้งย้ำว่าคนทำงานการเมืองควรยึดหลักความสามัคคีเพื่อประโยชน์ของชาติ และเมื่อการต่อสู้จบลงก็ควรไม่มีการอาฆาตหรือคิดแก้แค้นฝ่ายตรงข้าม
จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ สน.ดุสิต นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (4 ก.ย.) มีรายงานว่า นายศุภชัยได้ถอนแจ้งความ ม.157 "ภูมิธรรม" ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
"ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุระเบียบวาระให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว
นั่นหมายความว่าความพยายามที่จะยื่นยุบสภาอีกได้ยุติลง ซึ่งประเทศก็จะเดินหน้าต่อไปได้เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผมว่าหลายท่านเห็นการเมืองของเมืองไทยมาก็จะพบว่าในบางสถานการณ์ก็สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ความจริงที่มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือแต่ละฝ่ายที่อยู่คนละข้างกันล้วนแล้วแต่รู้จักคุ้นเคยรักใคร่ เป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกัน บางครั้งเคยอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้วสถานการณ์ก็ผลักให้ไปอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม
ชีวิตการเมืองของผมก็เป็นเช่นนี้ เพราะการต่อสู้ที่ว่านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าคือสงครามช่วงชิงอำนาจ ซึ่งบางคราวก็ชนะบางครั้งก็แพ้ ผู้ใหญ่ที่รักเคารพของผมเคยให้คำแนะนำว่าหากแพ้ก็ให้หมอบให้ราบ รอเวลา และเมื่อชนะก็ไม่ซ้ำเติมฝ่ายที่แพ้ ซึ่งผมก็ยึดถือปฏิบัติแบบนี้มา จบถือว่าจบ ไม่มีอาฆาตหรือคิดแก้แค้นเพราะที่สุดแล้วคนทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์เป้าหมายของเราก็คือประโยชน์สุขของประเทศชาติประชาชน ซึ่งแน่นอนที่สุดประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้ก็ด้วยความสามัคคี
ผมจึงตัดสินใจว่าผมไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีอาญากับนายภูมิธรรม เวชยชัย ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไปและจะดำเนินการถอนคำร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน
นอกจากนี้ นายศุภชัยยังโพสต์ข้อความตอนหนึ่ง ในพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานแก่คณะประชาชนจังหวัดราชบุรี ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ว่า
“บ้านเมืองไทยสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้โดยดี เพราะว่าจิตใจสามัคคีและแสดงออกซึ่งสามัคคี ถ้าตราบใดเรารักษาความสามัคคีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันไว้ได้ เราก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุขตราบนั้น”