เปรียบเทียบกันชัดๆ ผู้ว่าฯ สระแก้ว "ปริญญา โพธิสัตย์" กล่าวต่อหน้าทูต IOT 8 ประเทศอาเซียน บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ อ้างเป็นพื้นที่ป่า ก่อนเขมรบุกรุก ทั้งๆ ที่ชาวบ้านหนองจานมีหลักฐาน แต่เดือดร้อนถูกบุกรุก กลับไม่มีข้าราชการคนไหนเหลียวแล สุดท้ายตบหัวแล้วลูบหลัง ออกอินโฟกราฟิกภาษาไทยชิ้นเดียว อ้างเข้าใจคลาดเคลื่อน เดี๋ยวจะส่งที่ดินสาขาอรัญประเทศรับเรื่องให้
วันนี้ (23 ส.ค.) ไม่ใช่เพียงแค่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ต้องเจ็บช้ำซ้ำสอง หลังที่ดินมรดกจากรุ่นตารุ่นยาย อยู่ๆ ถูกชาวกัมพูชาที่อพยพมาอาศัยอยู่ขับไล่ แถมยังตั้งฐานของทหาร ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักแล้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วที่เพิ่งได้รับการต่ออายุราชการอีก 1 ปี กลับพูดต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (Interim Observer Team) หรือ IOT 8 ประเทศ ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม เมื่อวันที่ 22 ส.ค. อ้างว่าพื้นที่บ้านโนนหมากมุ่น "ไม่ใช่ที่ชาวบ้าน แต่เป็นพื้นที่ป่า"
"ปัญหาที่หนองจานนะครับ ในทางสิทธิของที่ดินเนี่ย เราได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีเอกสารสิทธิ์นะครับ ไม่มี สค.1 ไม่มี สค.3 ทั้งนั้นนะครับ แล้วก็สภาพพื้นที่เนี่ยจะเป็นพื้นที่ป่านะครับ การอยู่อาศัยนั้นทางการไทยไม่ได้ออกบ้านเลขที่ให้นะครับ การใช้ไฟฟ้าก็ไม่ได้ใช่ไฟฟ้าไทยนะครับ อันนี้ต้องขอยืนยันนะครับ แล้วก็เรื่องการให้สัญชาติ เราก็ไม่ได้ให้สัญชาติคนที่อยู่ในนั้นนะครับ เดี๋ยววันนี้ถ้าท่านลงพื้นที่หนองจาน จะมีสำนักงานที่ดินอรัญประเทศ คอยชี้แจงและนำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศนะครับ ในเรื่องของสิทธิในที่ดินแปลงนั้นตั้งแต่ย้อนหลังไปตั้งแต่ประมาณปีหนึ่งกว่าๆ นะครับ เดี๋ยวถ้าลงไปดูก็จะมีแผนที่ให้ดูนะครับว่า ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นพื้นที่อะไรนะครับ ประมาณ มีประมาณ 5 ภาพนะครับ ก็จะเปรียบเทียบมาจนถึงปัจจุบันนะครับ เพื่อในทางฝ่ายปกครองเรายืนยันว่าตรงนั้นไม่ใช่มีที่เอกสารสิทธิ์ใดๆ เลย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนไทยก็ไม่มี? นายปริญญาตอบทันทีว่า "ไม่มีครับ ไม่มีเอกสารสิทธิ์เลย เพราะว่าถ้าที่ดินแปลงใดจะมีเอกสารสิทธิ์ จะมีภาพถ่ายทางอากาศ แล้วก็จะมีระวางของทางกรมที่ดินเขาอยู่นะครับ อันนี้กรมที่ดินใช้พื้นที่ทั่วประเทศนะครับ เมื่อวาน (21 ส.ค.) ก็ได้นำให้กรมที่ดิน กรมป่าไม้นะครับ สปก. มาตรวจสอบกันแล้วนะครับก็ไม่มี แม้กระทั่ง สปก.ก็ไม่ได้ออก ก็เรียนสื่อมวลชนให้เข้าใจตรงกันนะครับ"
คำพูดของนายปริญญา ที่ปรากฎเป็นข่าวไปทั่วประเทศ และเป็นที่รับรู้ของ 8 ประเทศ นอกจากจะทำให้คนไทย ที่เป็นเจ้าของที่ดินมาตั้งแต่บรรพบุรุษหัวใจสลายแล้ว อาจเป็นช่องให้ทางการกัมพูชานำไปบิดเบือนได้ว่า ไม่ใช่ที่ของคนไทย ไม่ใช่ที่ของชาวบ้านหนองจาน ในสภาวะที่พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ขัดแย้งกันอยู่ และอาจทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดน ที่บ้านโนนหมากมุ่น เสมือนเป็นการ "ขายชาติ" อีกครั้ง?
ชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองจาน แสดงความไม่พอใจอย่างหนัก จากการให้ข่าวกับสื่อมวลชน บางคนถึงกับร่ำไห้ออกมา ด้วยความสิ้นหวังที่อาจต้องเสียแผ่นไทยที่ควรจะให้ลูกหลานทำกิน เช่น นางสมพร จันทะศร อายุ 50 ปี ชาวบ้านเลขที่ 223 หมู่ 1 บ้านหนองจาน ยืนยันว่าตนเองมีที่ดินจำนวน 23 ไร่ที่ได้รับสืบทอดมาจากรุ่นปู่ย่าตายาย
เช่นเดียวกับ นางพิมพ์ใจ แสงแก้ว อายุ 41 ปี ที่มีที่ดินกว่า 95 ไร่ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทั้งคู่ยืนยันว่าจนถึงวันนี้ไม่เคยได้เข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดินแม้แต่น้อย แต่ยังต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่ทุกปีตามกฎหมาย ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่เคยรวมตัวกันร้องเรียนไปยังจังหวัดสระแก้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบจากภาครัฐอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินทำกินของชาวเขมร
เมื่อกองทัพไทยนำคณะผู้ช่วยทูตทหาร (IOT) ลงพื้นที่ตรวจสอบทำให้ชาวบ้านเริ่มมีความหวังใหม่ แต่กลับต้องสะเทือนใจกับคำพูดของผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่บอกต่อคณะผู้ช่วยทูตว่า “พื้นที่ดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ เพราะเป็นพื้นที่ป่า” คำกล่าวนี้สร้างความผิดหวังกับชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะในความจริงพวกเรามีเอกสารสิทธิ์ชัดเจน ทั้ง น.ส.3 ก., ส.ค.1, น.ส.2 และ ภ.บ.ท.5 ซึ่งออกโดย กรมที่ดิน ตั้งแต่ปี 2532 และปี 2517 แต่ต้องเสียที่ทำกินให้เขมรที่บุกรุกมานานกว่า 40–50 ปี และยิ่งเสียใจมาก พราะที่ดินตรงนึ้เป็นแผ่นดินไทยของคนไทยจริงๆ เราอยากได้กลับคืนมาไว้ให้ลูกหลานทำกิน
ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน รวมถึงทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จนกระทั่งการลงพื้นที่ของคณะทูตทหารและผู้แทนต่างประเทศครั้งนี้ที่ ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นอีกครั้งว่า ที่ดินดังกล่าว คือของไทยล้านเปอร์เซ็นต์ ชาวบ้านหนองจาน ยังบอกอีกว่าพวกตนจะเร่งรวบรวมเอกสารสิทธิที่มี ไปยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของที่ดินอย่างแท้จริง พร้อมฝากความหวังถึงอดีตผู้ว่าราชการสระแก้ว ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ให้เข้าช่วยผลักดันและแก้ปัญหาความเดือดร้อนที่ยืดเยื้อมานาน
อ่านประกอบ : สุดช้ำ! พ่อเมืองสระแก้วพูดเองที่ดินเขมรบุกรุกไม่มีเอกสารสิทธิ ชาวบ้านหนองจานเตรียมหอบหลักฐานบุกศาลากลาง
ที่สุดแล้วผู้ว่าฯ ปริญญา "ตบหัวแล้วลูบหล้ง" แก้ตัวด้วยอินโฟกราฟิกชิ้นเดียว ที่ไม่สามารถอธิบายให้ชาวโลก โดยเฉพาะคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน 8 ประเทศ ที่เข้าใจไปก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่มีคนไทยอาศัยอยู่ ว่า
"ผมกราบขอโทษพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ทําให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน กรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อําเภอโคกสูง ทั้งนี้ ผมขอยืนยันว่าพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อําเภอโคกสูง อยู่ในราชอาณาจักรไทย ประชาชนผู้มีหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ใบจอง (น.ส.2) และหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3) บริเวณบ้านหนองจาน และบริเวณหลักเขตแดนที่ 45-49 สามารถยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินต่อเจ้าหน้าที่ ณ สํานักงานที่ดินจังหวัดสระแก้ว สาขาอรัญประเทศได้ โดยเจ้าหน้าที่จะดําเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนที่มีสิทธิทุกราย ภายใต้อํานาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนด
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 จังหวัดสระแก้วพร้อมด้วยเจ้าพนักงานที่ดินฯ สาขาอรัญประเทศ ลงพื้นที่รับเรื่องด้วยตนเอง"
สำหรับนายปริญญา โพธิสัตย์ จบการศึกษาศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรนายอำเภอ (นอ.) รุ่นที่ 50 หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 56 หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 7 หลักสูตรนักบริหารการงบประมาณระดับสูง (นงส.) รุ่นที่ 5 และหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 62
ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง, นายอำเภอนาทม จังหวัดนครพนม, นายอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม, นายอำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี, นายอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์, นายอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี, นายอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี, ผู้อำนวยการสำนักบริหารการปกครองท้องที่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท, รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง, ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว
ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติอนุมัติการเสนอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายปริญญา ซึ่งจะดำรงตำแหน่งครบ 4 ปี ในวันที่ 30 ก.ย. 2568 และจะต้องพ้นจากราชการ (ครบเกษียณอายุ) ปีหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2569 เป็นต้นไป ให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2569