xs
xsm
sm
md
lg

“ปลาหมอคางดำ” : กินได้ กำจัดได้ สร้างรายได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ คนไทยยังรับรู้ข้อมูล “ปลาหมอคางดำ” ในมุมที่จำกัด เพราะยังมีความจริงที่จำเป็นต้องเพิ่มความเข้าใจมากขึ้น ปลาชนิดนี้ไม่ใช่แค่ปลาต่างถิ่นที่รุกรานแหล่งน้ำธรรมชาติของไทย แต่คือ “ความท้าทาย” ที่เราทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขเร่งด่วนและต่อเนื่อง ป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์น้ำพื้นถิ่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและสิ่งแวดล้อมของประเทศ หากเรายังคงหลงทางยึดติดกับความเชื่อที่ยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน

ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังลังเลว่าปลาหมอคางดำกินได้จริงหรือไม่ ความจริงก็คือ ปลาหมอคางดำเป็นปลาที่รับประทานได้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะโปรตีนที่ไม่ต่างจากปลาที่เราคุ้นเคย เช่น ปลานิลหรือปลาช่อน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็น “แหล่งโปรตีนฟรี” จากธรรมชาติ ที่เราไม่ต้องลงทุนเลี้ยง ไม่ต้องเสียค่าอาหารสัตว์ เพียงแค่ออกแรงจับมันขึ้นมาจากน้ำเท่านั้น

ทุกครั้งที่คุณจับปลาหมอคางดำมาปรุงอาหาร ไม่ว่าจะย่าง แกง ทอด หรือทำเป็นเมนูพื้นบ้านอื่น ๆ นั่นคือการสร้าง คุณค่าให้สิ่งที่เคยถูกมองเป็นปัญหา

การแก้ปัญหาประชากรปลาหมอคางดำไม่อาจอาศัยรอแต่มาตราการของภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่ต้องกระตุ้นพลังของประชาชน ทุกคนร่วมกัน “จับและกิน” ให้มากที่สุด ยิ่งเราจับปลาออกจากแหล่งน้ำได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งลดการแพร่พันธุ์และการกระจายตัวได้มากเท่านั้น “การกำจัดด้วยการบริโภค” ทุกคนสามารถทำได้และทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งยังเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในการรักษาสิ่งแวดล้อม หรือแหล่งน้ำในชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของปลา

รายงานของกรมประมง ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2568 สามารถจับแล้วมากกว่า 3 ล้านกิโลกรัม ส่วนใหญ่ส่งไปผลิตเป็นปุ๋ยหมัก (น้ำหมักชีวภาพ และล่าสุดยังได้อนุมัติงบประมาณในการรับซื้อปลาเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นให้มีการจับปลาหมอคางดำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งจะผลดีต่อการเดินหน้าตามมาตรการของกรมฯ ในการควบคุมปลาให้อยู่ในพื้นที่จำกัดได้ตามเป้าหมาย รวมถึงการส่งเสริมให้ชุมชนนำไปผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น น้ำปลา และอาหารแปรรูปอื่นๆ เช่นน้ำพริก และปลาแดดเดียว

ปลาหมอคางดำ คือ โอกาสในการสร้างรายได้ของชุมชนและครัวเรือน ไม่ว่าจะปรุงเป็นเมนูอาหารประจำวัน กินไม่หมดยังแปรรูป ถนอมด้วยวิธีการหลายรูปแบบ เพื่อเก็บไว้กินในวันหน้า หรือเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ เช่น ปลาส้ม ปลาร้า ปลาแดดเดียว ซึ่งเป็นเมนูพื้นฐาน หากเราพัฒนายกระดับสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ปลาอบกรอบหรือปลาสแน็ค ก็เป็นโอกาสที่น่าสนใจทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ชุมชนควรรวมพลังกันแปรรูปและจำหน่าย ปัญหาปลากลายเป็นโอกาสสร้างรายได้เสริมและยังเป็นการสร้างตลาดใหม่ที่เชื่อมโยงผู้บริโภคกับผู้ผลิตโดยตรงทั้งร้านอาหารและตลาดออนไลน์

ช่วงเวลานี้ไม่ใช่การหาต้นตอของปลาเข้าในประเทศ แต่คือการลงมือทำร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รัฐบาลควรสนับสนุนการวิจัยเรื่องสายพันธุ์และคุณค่าทางโภชนาการของปลาหมอคางดำอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความมั่นใจในการบริโภคและวางแผนการจัดการที่ยั่งยืน ขณะเดียวกัน ประชาชนต้องร่วมกันจับ กิน และแปรรูปเพื่อลดจำนวนปลาในแหล่งน้ำให้เร็วที่สุด ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ว่า “ปลาหมอคางดำ กินได้ กำจัดได้ สร้างรายได้” รวมพลังกันพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเพื่อแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เพื่ออาหารที่ปลอดภัยและเพียงพอ และเพื่อชุมชนที่เข้มแข็งยั่งยืน






กำลังโหลดความคิดเห็น