xs
xsm
sm
md
lg

“พ่อเลี้ยงเจ” เปิดเบื้องหลัง "ดีลลับลังกาวี" สองขั้วจับมือผลักดันผลประโยชน์ข้ามชาติ – ส่อกระทบอธิปไตยไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พ่อเลี้ยงเจ” ยูทูบเบอร์สายการเมืองนอกกระแสแฉ "ดีลลับลังกาวี" กำลังเดินหน้าเข้าสู่เฟส 2 เมื่อสองขั้วการเมืองใหญ่ — ขั้วอนุรักษนิยมและทักษิณ — ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจับมือกันผลักดันผลประโยชน์มหาศาลในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนต่างชาติและแรงกดดันจากมหาอำนาจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ความขัดแย้งชายแดนเป็นข้ออ้างแทรกแซงภูมิภาค ขณะที่กระแสสังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใส และผลกระทบต่ออธิปไตยไทยในระยะยาว

วันนี้ (2 ส.ค.) “พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร” ยูทูบเบอร์สายวิเคราะห์การเมืองนอกกระแส ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอในหัวข้อ “ลังกาวี ความอัปรีย์ของ... ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” ระบุรายละเอียดว่า

ตัดฉากย้อนกลับมาที่ “ดีลลังกาวี” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการนำพา ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย โดยที่สหรัฐน่าจะรับรู้หรือเกี่ยวข้องมาตลอด เพราะสหรัฐมองทักษิณ รวมถึง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นพันธมิตรที่สามารถทำธุรกิจร่วมกันได้

ประเทศไทยถือเป็นประเทศสำคัญที่สุดในเชิงยุทธศาสตร์ของภูมิภาคนี้ นอกเหนือจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์แล้ว การได้กัมพูชาและไทยเป็นหุ้นส่วนในยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับนโยบายปิดล้อมจีนทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ เพราะสหรัฐต้องทำทุกอย่างเพื่อสกัดไม่ให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกในศตวรรษที่ 21

ระหว่างวันที่ 5–7 พฤษภาคม 2023 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. เดินทางไปเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย โดยมี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.สส. ร่วมคณะ และมีการเชื่อมโยงว่ามีการพบทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น “ดีลลับ” ทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีรายงานว่า มีนักธุรกิจระดับบิ๊กในวงการพลังงานมีส่วนเกี่ยวข้องในดีลนี้ด้วย

ในขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศหลังจากบริหารมาแล้วกว่า 8 ปี โดยเข้าสู่อำนาจด้วยการรัฐประหารล้มรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีการประเมินว่า ประยุทธ์ “ไฟเขียว” ให้ทักษิณกลับประเทศ โดยมีการต่อรองเพื่อสนับสนุนให้เขากลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติของประยุทธ์จะกลายเป็นพรรคเล็ก ไม่มีฐานเสียงเพียงพอ หลังจากที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ว่าพรรคก้าวไกลจะได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยพรรคเพื่อไทยของทักษิณจะต้องร่วมมือกับประยุทธ์เพื่อสกัดพรรคก้าวไกลไม่ให้ขึ้นสู่อำนาจ

ในวันที่ 22 สิงหาคม 2023 ซึ่งถือเป็นวันประวัติศาสตร์ ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย โดยมีการเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษไว้ล่วงหน้า แต่ต้องติดคุก 1 ปี ทักษิณถูกนำตัวเข้าเรือนจำเพียงไม่กี่ชั่วโมง จากนั้นก็ถูกส่งไปรักษาตัวที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจโดยอ้างว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ

ในบ่ายวันเดียวกัน รัฐสภามีการประชุมเพื่อลงมติให้ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก ซึ่งเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์มีส่วนช่วยในการล็อบบี้ ส่งผลให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องพลาดโอกาสแม้จะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก็ตาม

ทุกคนรู้ดีว่า เศรษฐาเป็นเพียง “นายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ” รอวันลงจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ประยุทธ์กลับคืนสู่อำนาจ แต่คำสัญญาที่ว่าทักษิณจะไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวกลับไม่เป็นจริง ทำให้ “ดีลลับ” เริ่มร้าวฉาน

ต่อมา เศรษฐาต้องหลุดจากตำแหน่งเนื่องจากการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน คนสนิทของทักษิณเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าขัดต่อหลักจริยธรรม เนื่องจากพิชิตเคยมีคดี “ถุงขนม”

ทักษิณจึงตัดสินใจ “หัก” ประยุทธ์ทันที ด้วยการผลักดันให้ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาว ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ในงาน Dinner Talk ที่จัดโดย The Nation เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2024 (ครบ 1 ปีหลังจากทักษิณกลับไทย) ทักษิณได้พูดถึง “พื้นที่ทับซ้อน” ระหว่างไทยกับกัมพูชาในอ่าวไทย ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานขนาดใหญ่ใต้ท้องทะเล โดยเสนอแนวทางการแบ่งผลประโยชน์กัน 50/50 ทั้งที่พื้นที่ใกล้เกาะกูดนั้นถือเป็นของไทยมาโดยตลอด

แหล่งพลังงานนี้เป็นที่หมายปองของกลุ่มทุนพลังงานระดับโลก ทักษิณ, ฮุน เซน และบริษัทต่างชาติ ทั้ง Chevron ของสหรัฐฯ และ TotalEnergies ของฝรั่งเศส ซึ่งประเมินว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้วยเหตุนี้เอง โดนัลด์ ทรัมป์ และ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จึงให้ความสนใจในดีลนี้เป็นพิเศษ เพราะมีนัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เมื่อผู้นำประเทศมีดีลธุรกิจร่วมกัน ความร่วมมือทางนโยบายความมั่นคงย่อมไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหมายถึงการขจัดอิทธิพลจีน

อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชานั้นไม่สามารถตกลงกันได้แบบทวิภาคี เพราะการเมืองภายในไทยไม่ยอมรับแนวทางการ “แบ่งเค้ก” ดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เกาะกูดที่ถือเป็นของไทยโดยสมบูรณ์ ทำให้สหรัฐฯ และฝรั่งเศสซึ่งมีผลประโยชน์อยู่ในเกมนี้ อาจถูกมองว่าเข้ามาชี้ขาดกรรมสิทธิ์ผ่าน “การมัดมือชก” และไม่มีการเจรจาโดยตรง

วันดีคืนดี ฮุน เซน ซึ่งมีความสนิทกับทักษิณมากว่า 20 ปี และเคยมาเยี่ยมถึงบ้านในช่วงทักษิณพักรักษาตัว กลับออกมาวิจารณ์ทักษิณอย่างรุนแรงว่าทรยศหักหลัง หลังเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ปลายพฤษภาคม 2025 ที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย

ในช่วงการเจรจาของแพทองธารกับฮุน เซน มีรายงานว่า แพทองธารกล่าวว่า “แม่ทัพภาค 2 เป็นคนของเขา ไม่ใช่คนของเรา” ซึ่งทำให้ฮุน เซนไม่พอใจและอัดเสียงบทสนทนาไว้ จากนั้นปล่อยออกสู่สาธารณะ

สงครามจิตวิทยาเริ่มขึ้น จนกลายเป็นการปะทะรุนแรงในวันที่ 24 กรกฎาคม 2025 โดยฝ่ายกัมพูชาเริ่มยิงก่อน ทำให้พื้นที่ฝั่งไทยได้รับความเสียหาย โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า และบ้านเรือนถูกโจมตี มีประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต ต้องอพยพกว่า 150,000 คน

กองทัพกัมพูชาพยายามยึด 11 จุดยุทธศาสตร์ในพื้นที่ชายแดน รวมถึงภูมะเดื่อ ปราสาทตาเมือนธม ช่องจอม พลาญยาว ฯลฯ ทำให้กองทัพไทยต้องใช้ F-16 และ Gripen ในการตอบโต้จนฝ่ายกัมพูชาเสียหายหนัก ยกเว้นที่ปราสาทตาควายในจังหวัดสุรินทร์ที่ยังอยู่ในมือเขมร

แม้จะสู้กันอย่างดุเดือด แต่ในเวลาเดียวกัน พล.ท.ซวน สมนัง ผู้แทนกองทัพกัมพูชา ได้เดินทางไปเยือนกองบัญชาการอินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ ที่ฮาวาย ระหว่างวันที่ 24–25 กรกฎาคม และมีข่าวลือว่ากัมพูชาอาจเซ็น MOU ร่วมยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกกับสหรัฐฯ แล้ว

ฮุน เซนจึงกล้า “หักหลังจีน” และหันไปจับมือกับสหรัฐฯ ที่ให้การหนุนหลัง จนสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชากลายเป็น "เวที" แสดงความขัดแย้งเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอย่างแท้จริง

สงคราม 5 วันจบลงในวันที่ 28 กรกฎาคม เมื่อทรัมป์กดดันให้เจรจาหยุดยิง โดยขู่จะตั้งกำแพงภาษี 36% สำหรับไทย และ 49% สำหรับกัมพูชา การเจรจาเกิดขึ้นที่มาเลเซีย โดยมีอันวาร์ อิบราฮิม เป็นตัวกลาง

สุดท้าย สหรัฐฯ เปิดเกมเต็มรูปแบบเข้าสู่ภูมิภาคนี้ โดยใช้ “สงครามจำลอง” เป็นตัวเปิดทางสู่การแบ่งผลประโยชน์ในทะเลอ่าวไทย พร้อมเพิ่มอิทธิพลในไทยและกัมพูชาแทนจีน




กำลังโหลดความคิดเห็น