ท้า “ทักษิณ” หากตัดขาด “ฮุนเซน” จริง ต้องยกเลิก MOU 43-44 ให้ทหารตรึงกำลังรอบ 3 ปราสาทไม่ให้เขมรเข้ามาป่วน สั่ง JBC ใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ถ้าไม่กล้าแสดงว่ายังมีผลประโยชน์ร่วมกัน เผย “ทักษิณ” ยังฤทธิ์เยอะ จับตาหากศาลฎีกาให้รอดคดีชั้น 14 ศาล รธน.ให้ “อุ๊งอิ๊ง” พ้นผิดคดีคลิปเสียง ประเทศไทยไม่จืดแน่
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในรายการ “Exclusive Talk ผ่าทางตันประเทศไทย” ในโอกาสครบรอบ 55 ปี Nation เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ในประเด็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และประเด็นทางการเมืองอีกหลายเรื่องว่า สิ่งที่นายทักษิณพูดบนเวทีนั้นเป็นหลักฐานสำคัญเหมือนกับเชือกที่คล้องคอตัวเขาเองในหลายๆ ประเด็น
ประเด็นที่หนึ่ง คนส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่เชิดลูกสาวที่มี 2 ง. ให้อยู่เบื้องหน้า การสั่งการอะไรนั้นทักษิณเป็นคนคุมหมด ไม่ว่าจะเป็นกรณีเปิดเผยเรื่องการคุยกับนายฮวด เพื่อส่งข้อความถึงฮุนเซน ว่าเหตุการณ์วันที่เขมรขนกำลังไปชายแดน 12,000 นาย ทำให้โกรธมาก และโทร.ไปหานายฮวด ว่า “ฮวด เฮ้ย! มึงบอกเจ้านายมึงสิ ไม่อยากพูดเอง พูดไปเดี๋ยวเกิดอารมณ์คุมไม่อยู่ ไปบอกเลยนะ ตกลงลูกเราเป็นผู้นำทั้งสองประเทศ เราจะทำสงครามกันใช่ไหม?" ("ลูกเรา" ก็คือ แพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุนมาเนต)
นอกจากนี้ ทักษิณยังพูดเรื่องปัญหาชายแดน หลังจากถูกถามว่าปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชามีโอกาสจะบานปลายหรือเปล่า โดยทักษิณตอบว่า "ไม่เคยคิดจะบานปลาย ในวันที่ผมโทร.ไปโวยวายกับฮวด เขาถามกลับมาว่าจะให้เขาทำอย่างไร ผมบอกให้ถอนกำลัง เขาบอกจะอนุญาตให้เขมรที่อยู่ชายแดนพูดคุยกับทหารไทย และจะนำไปสู่การเจรจา JBC ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ แต่บังเอิญว่าวันจันทร์ ทหารเขามีกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะปิดด่าน เขาจึงโกรธว่าถอนทหารแล้ว แต่เราปิดด่าน และโกรธที่แพทองธารไปโพสต์ว่าไม่เป็นมืออาชีพ"
ประเด็นนี้ เมื่อทักษิณครอบงำและสั่งการทุกอย่างในรัฐบาล รวมถึงประเด็นความมั่นคง ถ้าอย่างน้อยก็ต้องรีบสั่งนายภูมิธรรม เวชยชัย นายกฯ รักษาการในขณะนี้ให้สั่งมายังกองทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 ให้จัดการปัญหาพรมแดนกับกัมพูชาอย่างเด็ดขาด คือไม่ต้องเจรจาแล้ว เพราะยิ่งปล่อยทิ้งนานไป ยิ่งมีการยั่วยุ รุกล้ำ เอาเรื่องไปฟ้องศาลโลก เอานักท่องเที่ยวเขมรเข้ามาป่วนปราสาททั้ง 3 แห่ง ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย พยายามสร้างกระแสว่าไทยเราไปยึดพื้นที่ของเขมร
“วิธีการคือ ก็ในเมื่อคุณยอมรับว่าคุณคุมทุกอย่าง วันนี้เป็นครั้งแรกที่คุณยอมรับทางอ้อมว่ารัฐบาลชุดนี้จริงๆ คนที่บริหารงานอยู่ข้างหลังคือตัวคุณ วิธีการที่ดีคุณก็สั่งปิดพรมแดนให้หมด ซึ่งภาคประชาชนจะมีการดำเนินการเช่นนี้กดดันให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด แต่ถ้ารัฐบาลที่นำโดยนายกฯ รักษาการ คือนายภูมิธรรม ยังไม่ตอบสนอง สุดท้ายคนที่เสียก็คือทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง เพราะสารภาพเองไม่ใช่หรือว่าสั่งได้หมดทุกเรื่อง” นายสนธิกล่าว
อีกประเด็นหนึ่ง นอกจากต้องกดดันให้มีการแก้ปัญหาเรื่องพรมแดนไทย-กัมพูชา ณ ปัจจุบันแล้ว ภาคประชาชนที่รักชาติต้องการรุกคืบไปเพื่อจัดการกับรากเหง้าของปัญหาเรื่องนี้ คือ MOU 2543 และ MOU 2544 ให้มีการยกเลิกไปด้วย ตัดจบที่ปัญหาแผนที่ 1:200,000 ก็ในเมื่อทักษิณ พูดเองไม่ใช่หรือ
“ก็คุณพูดเองเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่าจบสัมพันธ์ 30 ปีกับฮุนเซนไปแล้ว ก็คุณพูดเองว่า "ทำลูกผมขนาดนี้ ยอมรับว่าผมถึงกับช็อกว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร" อีกตอนหนึ่งก็ยังพูด บอกว่า "ผมสนิทกับสมเด็จฮุน เซนมากเลย สนิทจริงๆ ผมก็คิดไม่ถึงว่าคนสนิทกันขนาดนี้เป็นแบบนี้ แต่แน่นอนว่าถึงเวลาปัญหาประเทศมา ผมถือปัญหาประเทศเป็นเรื่องใหญ่" สาธุ สาธุ สาธุ ขอให้พูดอย่างจริงใจออกจากปาก ถ้าไม่จริงใจอย่างปาก ขอให้พินาศฉิบหาย ขอให้แผ่นดินไทยไม่เป็นที่ตายของมึง ให้มึงไปตายที่อื่น "ส่วนจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือไม่ ผมว่าสงสัยต่างคนต่างลืมชื่อกันไปแล้ว"
“ถ้าพูดในลักษณะนี้ วัดกันด้วยข้อความนี้ ผมอยากให้ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งยืนยันมาแล้วว่าตัวเองคุมเกมทุกอย่างในรัฐบาลชุดนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย ก็คือบัตเลอร์ (Butler) คนรับใช้คนหนึ่ง ทำตามคำสั่ง ก็ต้องให้นายกรัฐมนตรี หรือภูมิธรรม ไปแจ้งทหารว่าเรายินดีสนับสนุนทุกอย่างในเรื่องการขับไล่เขมรที่รุกล้ำอธิปไตยของไทย ส่งทหารไปยึดตาเมือนธม 2-3 แห่ง แล้วเอาทหารไปล้อมเขาพระวิหารเอาไว้ เพราะเป็นของไทย นอกจากนั้นแล้ว โทรศัพท์ไปสั่ง ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตทูตไทยประจำกัมพูชา ที่คุณสนิทสนมด้วย อยู่เบื้องหลังมาตลอด ไปบอกว่า เฮ้ย การประชุม JBC ถ้ามีอยู่ ให้ใช้แผนที่ 1:50,000 ไม่ใช่ 1:200,000 และแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลไทย แจ้งไปยังกัมพูชาอย่างตรงไปตรงมาว่า เราขอยกเลิก MOU 2543 และ 2544 คำถามมีอย่างนี้ คุณกล้าหรือเปล่า ถ้าคุณไม่กล้าทำ ก็แสดงว่า MOU 2543-2544 นั้น คุณมีผลประโยชน์ร่วมกับฮุนเซนไว้ด้วย กล้าทำไหม”
นายสนธิกล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมา ในเชิงการเมือง ทักษิณพูดเหมือนกับมั่นใจว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดรอดในคดีในศาลรัฐธรรมนูญจากกรณีคลิปลับไปได้ เขาตอบคำถามบนเวที กรณีคนประเมินสิ่งที่แพทองธารพูด และมีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นการพูดแบบไร้จริยธรรมอย่างร้ายแรง ทักษิณเขาแก้ตัวว่า คำว่า “ตรงกันข้าม” ที่อุ๊งอิ๊งพูดถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม อาจจะเป็นตรงกันข้ามความคิดก็ได้ หรือตรงข้ามกับการฝักใฝ่ทางการเมืองก็ได้ ซึ่งทักษิณ อ้างว่าเนื่องจากไทย-กัมพูชายังไม่ได้ประกาศสงคราม จึงไม่ได้หมายความว่าเขาเข้าข้างศัตรู
"คุณทักษิณครับ คุณเปิดเสื้อคุณดูหน่อยได้ไหมครับว่าสีข้างคุณมีแผลถลอกหรือเปล่า ตะแบงฉิบหายเลย ตะแบงจริงๆ ซึ่งผมไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร ตีความไปตามที่ทักษิณ พยายามหาทางออกให้ลูกตัวเอง หรือตีความในมุมมองประชาชนเกือบทั่วประเทศที่ค่อนข้างเห็นตรงกัน"
“นี่ยังไม่นับรวมกับเรื่อง "ชั้น 14" ที่ตอนนี้กำลังมีการพิจารณาอยู่ในศาลฎีกา ซึ่งบนเวทีเมื่อวันพุธ ทักษิณไม่ได้พูดถึง เพราะอาจจะหวั่นเกรงเป็นการละเมิดศาลก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เหมือนที่ผม กับชูวิทย์ พูดกันเมื่อวันก่อน โดยที่ชูวิทย์บอกว่า เชื่อเถอะ ทักษิณมีฤทธิ์เยอะ อาจจะมีฤทธิ์ครอบคลุมไปจนถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่ส่วนจะมีฤทธิ์ต่อศาลฎีกาที่พิจารณาเรื่องชั้น 14 หรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญ ทักษิณมีฤทธิ์แน่นอน ผมก็อยากจะฝากบอกไปถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกันว่า ข้อเท็จจริงในการพูดจาของแพทองธาร ชินวัตร นั้นมันเป็นประจักษ์หลักฐาน ประจักษ์คำพูดที่ชัดเจน ถ้าคุณตัดสินไปในแนวทางที่ทำให้แพทองธารไม่ผิดนั้น เชื่อผมเถอะ คุณไม่รู้หรอกว่านรกกำลังจะมาเยือนพวกคุณ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหลาย
แต่ไม่ว่าการตัดสินหรือคำวินิจฉัยทั้งของศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกา ทั้งสองประเด็นจะออกมาอย่างไร ก็จะนำไปสู่ปมและประเด็นปัญหาตามมาอีกหลายประเด็น ไม่จืดเลย ผมไม่อยากจะพูด ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าอุ๊งอิ๊งไม่ผิด ผมฟังแล้วไม่จืดเลย แล้วถ้าศาลฎีกาบอกว่าสิ่งที่ ทักษิณถูกพิพากษา หรือถูกตรวจสอบในเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนั้น ทักษิณไม่ผิด เพราะทักษิณไปที่นั่นจริงๆ และพักที่นั่นจริง ก็ไม่จืดเหมือนกัน
ทุกวันนี้ ตอนนี้ทุกอย่างสงบ เพราะกำลังรอจุดสุดท้าย ก็คือจุดจบของเรื่องนี้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผมพอจะเดาออกว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าฤทธิ์ของทักษิณทำให้ศาลรัฐธรรมนูญปกป้องอุ๊งอิ๊ง และถ้าฤทธิ์ของทักษิณทำให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่าทักษิณไม่ผิดนั้น ผมพอจะเดาออก แต่ผมไม่อยากพูด” นายสนธิกล่าว
