หลังจาก “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจที่สะท้อนความคิดเชิงลบของคนไทยส่วนใหญ่ต่อฮุนเซน คอลัมนิสต์เขมรได้เขียนบทความตอบโต้ พร้อมยกย่องฮุนเซนว่าเป็นผู้นำกัมพูชาผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ช่วง 500 ปีนับจากยุคนครวัด ทำให้รัฐบาลไทยหวั่นไหวจึงต้องหาทางด้อยค่าโดยการสั่งนิด้าทำโพลเกี่ยวกับผู้นำประเทศอื่นซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรทำ พร้อมยกโพล AVI มาอ้างว่าคนเขมรเกือบ 100% สนับสนุนฮุนเซน
เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าว Fresh News ของกัมพูชาได้เผยแพร่บทความที่มีชื่อว่า “ประเทศไทยให้ความสำคัญกับสมเด็จเตโชฮุนเซนอย่างมาก” [ប្រទេសថៃផ្តល់តម្លៃយ៉ាងខ្ពស់ចំពោះ តេជោ សែន] เขียนโดยผู้ใช้ชื่อว่า “ศาสตราจารย์ วงษ์ มกรา” มีเนื้อหาดังนี้
การสำรวจที่สถาบัน NIDA ของไทยจัดทำขึ้นเพื่อวัดความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อสมเด็จเตโชฮุนเซนของกัมพูชาเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าประเทศไทยให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่อผู้นำผู้ทรงอำนาจแห่งกัมพูชาเป็นอย่างมาก เป็นเรื่องน่าสังเกตว่าการทำการสำรวจระดับชาติในหมู่ประชาชนของประเทศหนึ่งเกี่ยวกับผู้นำของอีกประเทศหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่หายากมาก เพราะโดยทั่วไปไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แต่เป็นเรื่องแปลกที่ประเทศไทยสามารถทำเช่นนั้นได้
เหตุการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้นำ นักการเมือง และประชาชนชาวไทยให้ความสำคัญต่อสมเด็จเตโชฮุนเซนของกัมพูชาเป็นอย่างมาก เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
ประการแรก ประวัติศาสตร์กัมพูชาในอดีตแสดงให้เห็นว่าสยามมักจะยืมมือนักการเมืองเขมรเพื่อต่อสู้กันเอง และสยามมักต้องการประโยชน์จากเขมร แต่กัมพูชาในสมัยสมเด็จเตโชฮุนเซน-สมเด็จธิบดีฮุนมาเนต เป็นช่วงเวลาเดียวที่ทำให้สยามเกรงกลัวภายใต้อิทธิพลของผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของกัมพูชาตลอด 500 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่สมัยพระนคร
ประการที่สอง สมเด็จเตโชฮุนเซนซึ่งชาวกัมพูชาถือว่าเป็นนักการเมืองในใจ ได้เสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง สมเด็จเตโชฮุนเซนเป็นผู้นำที่ยุติสงครามกลางเมืองที่กินเวลานานเกือบ 30 ปี และดึงประเทศและประชาชนกัมพูชาออกจากหลุมมรณะ และเปลี่ยนประเทศจากกองเถ้าถ่านให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเมื่อเทียบกับตอนที่ลงจากตำแหน่ง สมเด็จเตโชฮุนเซนไม่เพียงเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำที่มีประสบการณ์ซึ่งได้รับการยอมรับ ชื่นชม และเคารพจากประเทศในภูมิภาค
ประการที่สาม ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ทางการทหาร การต่อสู้ทางการเมืองภายใน หรือการต่อสู้ทางการทูต สมเด็จเตโชฮุนเซนได้ผ่านทุกวิถีทางของชีวิตและทุกขั้นตอน และประสบความสำเร็จ ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะยากลำบากและอันตรายเพียงใดก็ตาม ในกรณีพิพาทชายแดนกับไทย รัฐบาลกัมพูชานำโดยนายกรัฐมนตรีฮุนมาเนต และประธานวุฒิสภาเตโชฮุนเซน ได้ใช้มาตรการตอบโต้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งทำให้ไทยประหลาดใจและตะลึงงัน
ประการที่สี่ สมเด็จเตโชฮุนเซนเป็นผู้นำกัมพูชาที่รู้จักนักการเมืองไทยและประเทศไทยเป็นอย่างดี และทุกคำพูดของเขาสามารถทำให้บรรดานักการเมืองระดับสูงของไทยหวั่นไหวได้ ถึงขนาดที่บางคนกล้าอ้างว่าสมเด็จฮุนเซนกำลังแทรกแซงกิจการภายในของไทย ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพราะพวกเขาตระหนักถึงอิทธิพลอันทรงพลังของฮุนเซนเอง ที่จริงแล้วสิ่งที่ผู้นำกัมพูชากล่าวอ้างนั้นเป็นเพียงการตอบโต้เพื่อปกป้องกัมพูชาจากการรุกราน
ประการที่ห้า สมเด็จฮุนเซนกล้าที่จะทำนายการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีภายในสามเดือนข้างหน้า และเปิดเผยล่วงหน้าว่ารู้แล้วว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ การคาดการณ์ที่ชัดเจนเหล่านี้ทำให้สังคมไทยทั้งประเทศรู้สึกไม่สบายใจเพราะคำพูดที่ทรงพลังและแม่นยำของผู้นำกัมพูชา ซึ่งทำให้ประเทศไทยตระหนักถึงอิทธิพลและการเมืองที่หยั่งรากลึกของผู้นำกัมพูชามากยิ่งขึ้น
นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลไทยตัดสินใจทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสมเด็จเตโชฮุนเซน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามลดทอนอิทธิพลของสมเด็จเตโชฮุนเซนในความคิดของประชาชนลงไป แต่ในทางกลับกัน นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นวิธีการที่ประเทศไทยจะสร้างราคาให้ตัวเองมากกว่า เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของผู้นำกัมพูชาทำให้ประเทศไทยต้องจัดทำการสำรวจความคิดเห็นภายในประเทศซึ่งไม่ควรทำเลย
ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ผู้นำกัมพูชาทำเพื่อต่อต้านการรุกรานของไทยนั้นถูกต้อง ซึ่งทำให้คนไทยบางส่วนไม่พอใจ แต่ชาวกัมพูชาก็มีความสุขและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี อันที่จริง การสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยสถาบัน Asia Vision (AVI) แสดงให้เห็นว่าชาวกัมพูชาเกือบ 100% สนับสนุนการกระทำของรัฐบาลในข้อพิพาทชายแดนกับไทย โดยเฉพาะการนำพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยรวมแล้ว ผลการสำรวจในกัมพูชาและไทยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสมเด็จเตโชฮุนเซนเป็นผู้นำกัมพูชาที่เข้มแข็งและได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากประชาชนของเขา ในขณะที่สังคมไทยแตกแยกและสับสนมาก จนกล้าที่จะจัดการสำรวจความคิดเห็นที่ไม่ควรทำ นั่นหมายความว่าประเทศไทยมัวแต่คิดถึงอิทธิพลของสมเด็จเตโชฮุนเซนจนลืมนึกถึงปัญหาภายในของตนเอง นี่ไม่ใช่คุณค่าสูงสุดที่ประเทศไทยมอบให้กับสมเด็จเตโชฮุนเซนหรือ?
ทั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนว่าบทความชิ้นนี้มีเจตนาตอบโต้ “นิด้าโพล” ที่เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของคนไทยที่มีต่อนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2568 ซึ่งพบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความเห็นเชิงลบต่อนายฮุนเซนอย่างมาก เช่น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 67.63 ระบุว่าฮุนเซนทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง รองลงมา ร้อยละ 57.25 ระบุว่าฮุนเซนเป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ ร้อยละ 44.66 ระบุว่าคำพูดของฮุนเซนไม่มีความน่าเชื่อถือ ร้อยละ 40.53 ระบุว่าฮุนเซนกำลังยุให้คนไทยแตกแยกกัน ร้อยละ 25.34 ระบุว่าฮุนเซนต้องการยึดครองดินแดนของไทย ร้อยละ 18.85 ระบุว่าฮุนเซนกำลังแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อคำทำนายของฮุนเซนที่บอกว่าประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีภายใน 3 เดือนและรู้ด้วยว่าใครจะเป็นนายกฯ พบว่าตัวอย่างร้อยละ 43.05 ระบุว่าไม่น่าเชื่อ รองลงมาร้อยละ 34.12 ระบุว่าฮุนเซนทำนายมั่วๆ ร้อยละ 33.97 ระบุว่าเป็นความพยายามยุให้คนไทยตีกัน ร้อยละ 30.31 ระบุว่าการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นไปได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าใครจะได้เป็นนายกฯ ร้อยละ 25.34 ระบุว่าเป็นการวิเคราะห์ตามสถานการณ์ทางการเมืองไทย ร้อยละ 19.01 ระบุว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย เป็นต้น