คอลัมนิสต์เขมรโต้ “นิด้าโพล” แบบทันควัน หลังเปิดเผยผลสำรวจความเห็นคนไทยชี้ “ฮุนเซน” เป็นบุคคลไม่น่าไว้ใจและพูดมั่วๆ ซัดคนทำโพลไม่ให้เกียรติผู้นำระดับภูมิภาค ผู้กอบกู้กัมพูชาให้พ้นจากยุคมืดมน นำพาสันติภาพมาสู่ประเทศ และพัฒนาจนกัมพูชาเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของอาเซียน
วันนี้ (6 ก.ค.) ภายหลังจากนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เผยแพร่ผลการสำรวจ เรื่อง “ฮุนเซน” เมื่อเช้าที่ผ่านมา โดยพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 67.63 ระบุว่าฮุนเซนทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ร้อยละ 57.25 ระบุว่าฮุนเซนเป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ ร้อยละ 44.66 ระบุว่าคำพูดของฮุนเซนไม่น่าเชื่อถือ ร้อยละ 40.53 และเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อคำทำนายของฮุนเซน ที่บอกว่าประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีภายใน 3 เดือนและรู้ด้วยว่าใครจะเป็นนายกฯ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 43.05 ระบุว่าไม่น่าเชื่อ ร้อยละ 34.12 ระบุว่าฮุนเซนทำนายมั่วๆ ร้อยละ 33.97 ระบุว่าเป็นความพยายามยุให้คนไทยตีกัน นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.11 น.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจของสำนักข่าว Khmer Times ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า “มากกว่าการสำรวจความคิดเห็น : ทำไมเรื่องเล่าของไทยที่ต่อต้านสมเด็จเดโชฮุนเซนจึงแสดงให้เห็นถึงการกลัวความจริง” เขียนโดย “รุธ สันติภาพ” (Roth Santepheap) มีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 6 กรกฎาคม 2025 สื่อมวลชนไทยได้นำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของ NIDA ที่ออกแบบมาเพื่อให้สมเด็จเดโชฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งมายาวนาน มีภาพลักษณ์เชิงลบอย่างท่วมท้น การสำรวจดังกล่าวซึ่งดำเนินการระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม อ้างว่าสะท้อนถึงความรู้สึกของประชาชนชาวไทยเกี่ยวกับความคิดเห็นล่าสุดของเขาเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างกัมพูชากับไทย แต่เมื่อพิจารณาอย่างใกล้ชิดจะพบว่าการสำรวจนี้บอกอะไรเกี่ยวกับความไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศไทยได้มากกว่าตัวสมเด็จเดโชฮุนเซนเอง
นักการเมืองระดับภูมิภาคอย่าเอามาเป็นแพะรับบาป
สมเด็จเดโชฮุนเซนไม่ใช่บุคคลทางการเมืองธรรมดา เขาเป็นนักการเมืองที่หยุดยั้งยุคสมัยที่มืดมนที่สุดของกัมพูชา เป็นผู้รวมพลังคนทั้งประเทศเพื่อทำลายเขมรแดง เป็นตัวกลางในการปรองดองชาติ และวางรากฐานสำหรับข้อตกลงสันติภาพปารีส และยุติสงครามกลางเมืองด้วยนโยบายที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ภายใต้การนำของเขา กัมพูชาได้พัฒนาจากเถ้าถ่านของสงครามกลางเมืองมาเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดของอาเซียน เขาเป็นคนตรงไปตรงมา มีเหตุผล และไม่หวั่นไหว ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผู้นำในภูมิภาคมักรู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพูดความจริง
การเสนอผลสำรวจว่าสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน “ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง” หรือ “พูดมั่วๆ” ไม่เพียงแต่เป็นการไม่ให้เกียรติเท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าใจผิดอย่างอันตรายอีกด้วย เพราะเป็นการปกปิดการเสียสละและการสร้างสันติภาพที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ ปัจจุบันสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซนยังคงพูดในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยและเสถียรภาพในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตอบสนองต่อการรุกรานของไทยที่กลับมาอีกครั้ง เสียงของเขาไม่ใช่การยั่วยุ แต่เป็นเสียงเตือน
การเมืองเบื้องหลังผลสำรวจ
NIDA ไม่ใช่ผู้ดำเนินการที่เป็นกลาง ในฐานะสถาบันที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐของไทย “การสำรวจความคิดเห็น” ของสถาบันจะต้องได้รับการตรวจสอบโดยคำนึงถึงความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างทั้งสองประเทศของเรา การสำรวจความคิดเห็นครั้งนี้ได้กำหนดกรอบของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซนว่าเป็นบุคคลที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคง โดยไม่ได้ให้บริบทใดๆ เกี่ยวกับการละเมิดดินแดนกัมพูชาของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ หรือข้อเรียกร้องที่ยั่วยุของเจ้าหน้าที่ไทยเกี่ยวกับวัดโบราณของเขมร เช่น ตาโมน ทาโมน โตช และตากระบี
ที่แย่กว่านั้นคือ ช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การสำรวจความคิดเห็นนี้เผยแพร่เพียงไม่กี่วันหลังจากสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซนทำนายว่าประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศ ซึ่งเป็นคำกล่าวที่กระทบกระเทือนจิตใจชาวกรุงเทพฯ แทนที่จะพูดถึงสาระสำคัญของคำพูดของเขา สื่อและนักสำรวจความคิดเห็นของไทยกลับดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเขา โดยเบี่ยงเบนความไม่มั่นคงภายในประเทศไปที่ “ศัตรู” จากภายนอก
แต่ขอถามตรงๆ ว่า การพูดออกมาเมื่อประเทศเพื่อนบ้านละเมิดพรมแดนของคุณถือเป็นการแทรกแซงหรือไม่ เป็นการยั่วยุเพื่อปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมของชาติหรือไม่ หรือเป็นเพียงความเป็นผู้นำที่กล้าหาญและตรงไปตรงมา
ส่งเสียงปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่การล้มล้าง
คำกล่าวล่าสุดของสมเด็จเดโชฮุนเซนเกิดจากความกังวลอย่างลึกซึ้งและชอบธรรมต่ออำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และบูรณภาพทางประวัติศาสตร์ของกัมพูชา เมื่อเขาเตือนถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองของไทย มันไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นข้อความที่คำนวณมาจากผู้มีความคิดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ช่ำชอง คำพูดของเขาซึ่งไม่ใช่การคาดเดา แต่เป็นการเรียกร้องเชิงกลยุทธ์ให้ระมัดระวังและรับผิดชอบก่อนที่ความตึงเครียดจะยิ่งบานปลาย
การตอบสนองของไทยเผยให้เห็นถึงความเปราะบางที่น่าวิตก รัฐบาลที่มั่นใจและเป็นผู้ใหญ่จะไม่ตื่นตระหนกกับการวิเคราะห์จากภายนอก แต่จะโต้ตอบด้วยความจริง การทูต และความเคารพ การทำลายชื่อเสียงผ่านการสำรวจความคิดเห็นเพียงเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอและการเบี่ยงเบนความสนใจ
ยืนหยัดเคียงข้างผู้สร้างสันติภาพ
มรดกของสมเด็จเดโชฮุนเซนไม่สามารถลบล้างได้ด้วยการสำรวจความคิดเห็นที่ออกแบบมาเพื่อปลุกปั่นความรู้สึกชาตินิยม เขาเป็นสถาปนิกแห่งสันติภาพของกัมพูชา เป็นเสียงที่ได้รับการยอมรับในอาเซียน และเป็นผู้ปกป้องความยุติธรรมเมื่อเผชิญกับการรุกราน เขาไม่เคยยอมจำนนต่อแรงกดดัน ไม่ว่าจะเป็นจากต่างประเทศหรือในประเทศ และความเป็นผู้นำของเขายังคงทำหน้าที่เป็นเสาหลักแห่งความมั่นคงในภูมิภาคที่ผันผวนมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่ากลุ่มคนบางกลุ่มของไทยอาจพยายามใส่ร้ายเขาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความแตกแยกภายในของตนเอง แต่ชาวกัมพูชาและหลายๆ คนในภูมิภาคนี้ต่างก็รู้ว่าใครกันแน่ที่ยืนหยัดเพื่อสันติภาพ อำนาจอธิปไตย และศักดิ์ศรีของภูมิภาคอย่างแท้จริง
นี่ไม่ใช่เรื่องของความนิยมในแบบสำรวจต่างประเทศ แต่เป็นเรื่องของหลักการ ประสบการณ์ และความกล้าหาญที่หายากในการพูดความจริงต่อผู้มีอำนาจ แม้ว่าความจริงนั้นอาจเปิดเผยความจริงที่ไม่สบายใจก็ตาม
ทั้งนี้ Khmer Times หมายเหตุลงท้ายว่า “รุธ สันติภาพ” เป็นนักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ประจำกรุงพนมเปญ กัมพูชา มุมมองและความคิดเห็นที่แสดงออกมานั้นเป็นของเขาเอง