“ฮุนเซน” เรียกร้องนานาชาติกดดันไทยร่วมขึ้นศาลโลกกับกัมพูชาเพื่อจบปัญหาเขตแดน อ้างกลไกทวิภาคีใช้ไม่ได้ เจรจากันถึงศตวรรษหน้าก็ไม่จบ เผยประณามรัสเซียรุกรานยูเครนเพราะคิดว่าจะโดนไทยรุกรานเหมือนกัน และไทยเคยรุกรานมาแล้วเมื่อปี 51 ถึง 54 และยังรุกรานตลอด
เว็บไซต์ข่าว The Phnom Pehn Post รายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกร่วมกันเร่งรัดให้ไทยแก้ไขข้อพิพาทเรื่องพรมแดนกับกัมพูชาที่ยืดเยื้อมานานผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้แนวทางที่สันติและถูกต้องตามกฎหมายเพื่อป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
ในโพสต์บนเฟซบุ๊กของสมเด็นฮุนเซนเมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 มิ.ย. สมเด็จฮุนเซนได้เน้นย้ำถึงพื้นที่พิพาทสำคัญ 4 แห่งตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ได้แก่ พื้นที่สามเหลี่ยมมรกตระหว่างกัมพูชา ลาว และไทย และปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย
ฮุนเซนเน้นย้ำว่าปัญหาเหล่านี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชายแดนระหว่างสองราชอาณาจักรที่มีความยาวกว่า 800 กิโลเมตร จะยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างชัดเจนผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ "แม้กระทั่งในศตวรรษหน้า" ทำให้ ICJ เป็นช่องทางเดียวที่เป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหา
ฮุนเซนยังอ้างอีกว่า สาเหตุที่เขาตัดสินใจประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่สหประชาชาติ เมื่อปี 2022 เป็นเพราะกัมพูชากลัวต่อการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศในลักษณะเดียวกันจากประเทศใกล้เคียง
“ผมคิดเสมอมาว่าประเทศไทยอาจกระทำการในลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2551 ถึง 2554 ในปัจจุบัน เราก็ยังเห็นการกระทำที่รุกรานและละเลยกฎหมายระหว่างประเทศ” เขากล่าว
ฮุนเซนอ้างอีกว่ากัมพูชาไม่ได้แสวงหาความขัดแย้ง แต่ต้องการการแก้ปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจาและทางกฎหมาย เขายกตัวอย่างประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งล้วนแต่สามารถแก้ไขข้อพิพาทเรื่องดินแดนผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้สำเร็จ และรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นไว้ได้หลังจากนั้น
“การใช้วิธีการทางกฎหมายไม่ใช่การยุยงให้เกิดสงคราม แต่เป็นแนวทางที่สันติและถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการนองเลือดในอนาคต และให้ความกระจ่างแก่ประชาชน” เขากล่าว
การที่กัมพูชาเรียกร้องให้ประเทศที่เคารพกฎหมายเข้ามามีส่วนร่วมนั้น เป็นการกดดันให้ไทยเข้าร่วมกับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการสร้างระเบียบโลกที่อิงกับกฎเกณฑ์ การแก้ไขข้อพิพาทเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองมีเสถียรภาพและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ