ในยุคที่อุตสาหกรรมสุขภาพและความงามเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging Medicine), เวชศาสตร์ความงาม (Aesthetic Medicine), โภชนาการเพื่อสุขภาพ (Nutrition for Health) และ การบริหารธุรกิจสุขภาพและความงาม มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จึงเปิดหลักสูตร ปริญญาโทและปริญญาเอก ด้านการบริหารและการจัดการสุขภาพและความงาม (Health & Wellness Management) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ผศ.นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ (CIMw) ที่จะเริ่มเรียนภาคการศึกษาที่ 1 ในเดือนสิงหาคม 2568 นี้ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการพัฒนา บุคลากรที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์สุขภาพและการบริหารธุรกิจ เพื่อให้สามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ได้จริงในตลาดสุขภาพและความงามที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ดร.พีระยุทธ มั่งคั่ง รองคณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า จุดเด่นของหลักสูตร "การบริหารและการจัดการสุขภาพและความงาม" ออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์ อุตสาหกรรมสุขภาพและความงามที่กำลังเติบโต โดยเน้นองค์ความรู้ 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ โดยเน้นองค์ความรู้ 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1. วิทยาการชะลอวัย (Anti-Aging) เป็นการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูงการใช้โภชนบำบัดและอาหารเสริมเพื่อส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม และเทคโนโลยีด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยเช่น การใช้สารต้านอนุมูลอิสระ เวชศาสตร์ฟื้นฟูร่างกาย
2. เวชศาสตร์ความงาม (Aesthetic Medicine) เป็นศาสตร์ด้าน โบทูลินัมท็อกซิน ฟิลเลอร์ และนวัตกรรมด้านเลเซอร์เพื่อความงาม การพัฒนาเครื่องสำอางและอาหารเสริมที่ปลอดภัย และการใช้เทคโนโลยีความงาม เช่น เลเซอร์ ยกกระชับผิว และเวชศาสตร์ความงามแบบองค์รวม
3. โภชนาการเพื่อสุขภาพ (Nutrition for Health) เป็นการออกแบบโภชนาการเฉพาะบุคคล (Personalized Nutrition) การพัฒนาอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของร่างกาย และการศึกษาแนวทางป้องกันโรคผ่านโภชนบำบัด
4. การบริหารและการจัดการธุรกิจสุขภาพและความงาม เป็นกลยุทธ์การตลาดและการสร้างแบรนด์ในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม การบริหารโรงงานรับผลิต (OEM) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์สุขภาพระดับสากล และการพัฒนาโมเดลธุรกิจด้าน Wellness และการบริหารศูนย์สุขภาพ โดยหลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ ผู้ประกอบการ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และบุคคลทั่วไป ที่ต้องการสร้างความเข้าใจในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามแบบองค์รวม
โดยหนึ่งในบุคคลสำคัญที่เข้ามามีบทบาทในหลักสูตรนี้คือ "ดร.วาสนา อินทะแสง" หรือ คุณเมย์ ผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรม การแพทย์แบบบูรณาการ เวชศาสตร์ชะลอวัย และธุรกิจสุขภาพ โดยเธอเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์จริงใน การบริหารธุรกิจสุขภาพ, การพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม รวมถึงการสร้างแบรนด์ด้านสุขภาพในระดับสากล ที่จะมาเป็นอาจารย์ประจำของหลักสูตรนี้ โดยจะเริ่มสอนนักศึกษาเทอม 1 ในเดือนสิงหาคม ปีการศึกษา 2568 อีกทั้งในวันที่ 27 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ดร.วาสนา ก็กำลังจะเข้ารับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี 2568 จากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ทางวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ DPU เห็นสมควรเสนอชื่อ ดร.วาสนา ว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมกับรางวัลในครั้งนี้
เส้นทางการศึกษาและความเชี่ยวชาญของ ดร.วาสนา นอกจากจบการศึกษาระดับปริญญาเอกแล้ว ในการศึกษาระดับปริญญาโท ได้เรียนจบ Master of Science in Anti-Aging and Integrative Medicine ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนา ผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหารเสริม โภชนบำบัด และผลิตภัณฑ์ความงาม เป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ OEM โรงงานผลิตอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สุขภาพระดับสากล มีบทบาทสำคัญใน การวางกลยุทธ์ด้านการตลาดและสร้างแบรนด์สุขภาพ ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย ทำให้เธอสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ลึกซึ้งและนำไปใช้ได้จริงให้กับนักศึกษา และยังเป็นต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ต้องการพัฒนาอาชีพในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม
“ปัจจุบัน ตลาดสุขภาพและความงาม เป็นอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ ประเทศไทย ที่ถือเป็น ศูนย์กลางด้านการแพทย์บูรณาการและความงามของอาเซียน สถิติแสดงให้เห็นว่า ตลาดอาหารเสริม เวชสำอาง และนวัตกรรมสุขภาพ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี การศึกษาหลักสูตรนี้จะช่วยเปิดโอกาสทางอาชีพในหลากหลายสาขา เช่น นักวิชาการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและความงาม นักโภชนาการเฉพาะบุคคล ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงามและคลินิกความงาม ผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพ อาหารเสริม และเครื่องสำอาง และผู้บริหารโรงงานผลิตสินค้า OEM ด้านสุขภาพ หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับ สุขภาพ ความงาม และโภชนาการ เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณได้พบปะ CEO ผู้บริหารระดับสูง เจ้าของโรงงาน OEM และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจสุขภาพ” ดร.พีระยุทธ ระบุ
อย่างไรก็ตาม รองคณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ยังระบุอีกว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมสุขภาพผ่านโครงการ Thailand 4.0 โดยเน้นให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Hub) เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดสุขภาพระดับสากล อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของ Medical Tourism อันดับต้นๆ ของโลก โดยมีโรงพยาบาลและคลินิกความงามชั้นนำมากมาย หลักสูตรนี้จึงถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้อย่างยั่งยืน