xs
xsm
sm
md
lg

สมาร์ทฟินน์ฯ ผู้นำธุรกิจ "ขายฝาก" เล็งขยายบริการ ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วไทยภายใน 3-5 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาร์ทฟินน์ฯ ผู้นำธุรกิจ "ขายฝาก" เล็งขยายบริการ
ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วไทยภายใน 3-5 ปี
ตั้งเป้าช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย ดอกเบี้ยต่ำ

สมาร์ทฟินน์ โซลูชั่นส์ ผู้นำด้านธุรกิจ "ขายฝาก" ของไทย พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมายได้ง่ายขึ้นในภาวะที่สถาบันการเงินเข้มงวดกับการปล่อยกู้มากขึ้น โดยไม่ต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยในอัตราสูง "ขายฝาก" กับสมาร์ทฟินน์ฯ นอกจากคิดดอกเบี้ยอัตราต่ำแล้วยังยืดหยุ่นกว่าด้วยการขยายเวลา "ขายฝาก" ได้นานสูงสุดถึง 10 ปี เล็งขยายพื้นที่บริการให้ได้ 60 จังหวัดเร็วๆ นี้ และอยากขยายให้ครบทุกจังหวัดภายใน 3-5 ปี

​ดร.ปริสุทธิ์ รัตนมหาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสมาร์ทฟินน์ โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม "ขายฝาก" ชั้นนำของประเทศไทยที่ยึดมั่นการทำธุรกิจอย่างซื่อตรง เป็นธรรม ทั้งต่อนักลงทุนและผู้ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจ หรือบุคคลทั่วไปที่มองหาแหล่งเงินทุนที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก คิดดอกเบี้ยในอัตราสมเหตุสมผล อยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด ไม่สร้างภาระให้ผู้ขายฝากเกินความจำเป็น ได้กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาและภาพรวมของธุรกิจขายฝาก โดยระบุว่า อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก ทำให้ส่งผลกระทบต่อคนทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีเงินทุนไม่มากนัก ทำให้เกิดภาวะเงินขาดมือ ต้องมองหาแหล่งทุนเพื่อนำเงินมาใช้หล่อเลี้ยงธุรกิจให้เดินหน้าต่อไป

​"อย่างที่ทราบกันว่าช่วงที่ผ่านมาสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยกู้ กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กอย่างเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้ยากขึ้น ทำให้ช่วงที่ผ่านมาสมาร์ทฟินน์ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้เราอยากจะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เข้าถึงเงินทุน แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด ช่วยเหลือได้เพียงประมาณ 10% เท่านั้น จากจำนวนลูกค้าที่ลงทะเบียนเข้ามาทั้งหมด เพราะหลายรายที่เข้ามาไม่มีความพร้อมในเรื่องหลักทรัพย์" ดร.ปริสุทธิ์กล่าว และว่า

ปัจจุบันบริษัทมีเม็ดเงินตามที่นักลงทุนลงทะเบียนไว้ประมาณ 12,937,000,000 บาท สาเหตุที่มีนักลงทุนมาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ จำนวนมากก็เพราะว่านักลงทุนเหล่านี้มีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ที่ยึดหลักตรงไปตรงมาและเป็นธรรม ให้อัตราผลตอบแทนที่ดี และให้บริการอย่างดีที่สุด ดูแลให้ครบทุกขั้นตอน การันตีผลตอบแทนที่ 9% ต่อปี

​ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสมาร์ทฟินน์ฯ กล่าวอีกว่า นอกจากบริษัทจะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนแล้ว บริษัทยังได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่นำทรัพย์มา "ขายฝาก" กับบริษัท เพราะมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดีและเป็นธรรม คิดดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่สร้างภาระต่อคนทำธุรกิจ ซึ่งต่างจากเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยในอัตราสูงถึง 24-36% สร้างภาระในการผ่อนชำระ ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ทรัพย์จะหลุดมือสูง

​"ขายฝากกับสมาร์ทฟินน์นอกจากได้วงเงินที่เหมาะสมกับความต้องการที่จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้ และเสียดอกเบี้ยในอัตราต่ำทำให้โอกาสที่ทรัพย์จะหลุดมือมีน้อยแล้ว ที่สำคัญเราให้สัญญาขายฝากในระยะยาวเริ่มต้นที่ 3-5 ปี ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีนักลงทุนหลายท่านให้ข้อเสนอแก่ผู้ขายฝากในการทำสัญญาสูงสุดถึง 10 ปี สมาร์ทฟินน์เรามุ่งเน้นทำธุรกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการจึงไม่มีนโยบายที่จะยึดทรัพย์ และหากในอนาคตผู้นำทรัพย์มาขายฝากต้องการกลับเข้าสู่ระบบกับสถาบันการเงินหลังจากไถ่ถอนทรัพย์ไปแล้ว เราก็ยินดีให้คำแนะนำในเรื่องการเดินบัญชีระหว่างที่ขายฝากทรัพย์กับทางบริษัท และการไถ่ถอนทรัพย์เพื่อกลับเข้าสู่ระบบสินเชื่อของสถาบันการเงิน" ดร.ปริสุทธิ์กล่าว

​ดร.ปริสุทธิ์ได้กล่าวถึงการขยายธุรกิจขายฝากไปยังต่างจังหวัดเพื่อช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีในท้องถิ่นต่างๆ ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมายได้ง่ายขึ้นว่า ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ในพื้นที่ 45 จังหวัด ในอนาคตอันใกล้จะขยายให้ได้ 60 จังหวัด และในช่วง 3-5 ปีจากนี้ก็อยากจะขยายบริการให้ครอบคลุมได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าในต่างจังหวัดตัวเลือกที่จะเข้าถึงแหล่งทุนมีน้อย มีแค่สถาบันการเงินกับเงินกู้นอกระบบ ถ้ากู้กับสถาบันการเงินไม่ผ่านก็ต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ บริษัทจึงอยากขยายบริการออกไปเพื่อเป็นตัวเลือกให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ต่างจังหวัด

​ดร.ปริสุทธิ์กล่าวอีกว่า บริษัทสมาร์ทฟินน์ฯ ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 9 ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้นำทรัพย์มาขายฝากเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทเติบโตมาอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยเฉลี่ยบริษัทมีอัตราเติบโตอย่างยั่งยืนที่ 25-30% ต่อปี และในปี 2567 นี้ คาดว่าจะมีทรัพย์ขายฝากไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 100% จากปี 2566 ที่มีมูลค่าทรัพย์ขายฝากอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท

​"ช่วงเวลานี้ธุรกิจขายฝากกำลังเป็นที่สนใจทำให้ที่ผ่านมามีคนเข้ามาทำธุรกิจนี้กันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดี ที่จะช่วยทำให้คนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น เพราะสมาร์ทฟินน์ฯ อาจช่วยเหลือได้ไม่ครบทุกคนที่เข้ามาหาเรา อย่างไรก็ดี อยากให้พิจารณามาตรฐานการให้บริการด้วย เพราะที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่เปิดตัวมาแล้วก็เลิกไปในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งสร้างปัญหาให้ทั้งนักลงทุนและผู้นำทรัพย์มาขายฝากไม่น้อย" ดร.ปริสุทธิ์ กล่าว พร้อมเชิญชวนผู้ที่มองหาแหล่งทุนที่เข้าถึงง่าย คิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำ เป็นธรรม อยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด และนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำให้ผลตอบแทนสูง พิจารณาใช้บริการขายฝากที่ดิน บ้าน และคอนโดฯ ของสมาร์ทฟินน์ฯ โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้สะดวก ทั้งผ่านทางออนไลน์ Website : https://www.smartfinn.co.th" target="_blank"> https://www.smartfinn.co.th, Facebook : www.facebook.com/Smartfinnsolutions , Line ID : @smartfinn หรือถ้าอยากมาคุยกันที่สำนักงานเพื่อให้เกิดความมั่นใจก็สามารถเข้ามาติดต่อได้ที่ เลขที่ 555 อาคารรสาทาวเวอร์ 2 ชั้น 25 ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2937-2289 และ 08-0596-1525 เรามีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้รายละเอียดข้อมูลต่างๆ สามารถติดต่อเข้ามาในเวลาเปิดทำการ จ.-ศ. เวลา 09.00-18.00 น.





กำลังโหลดความคิดเห็น