บริษัท สมาร์ทฟินน์ โซลูชั่นส์ จำกัด ในฐานะผู้บุกเบิกบริการแพลตฟอร์มที่ช่วยยกระดับการขายฝากให้มีมาตรฐาน และสร้างโอกาสทางการเงินให้กับทั้งผู้ขายฝากและนักลงทุน ร่วมเดินทางเข้าสู่ปีที่ 8 รับมีอัตราเติบโตขยายตัวมากขึ้น มีการจับคู่สัญญาขายฝากตลอด 7 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 8,100 ล้านบาท ส่วนปี 2567 ตั้งเป้าหมายจับคู่ทรัพย์สินอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ขณะนี้มีอยู่ 4,500 คน ต่อแพลตฟอร์มขายฝาก จับคู่ผู้ขายฝาก กับนักลงทุนใจดี ภายใต้สโลแกนบริษัท "เคียงข้าง สร้างโอกาสทางการเงิน"ด้วยระบบขายฝากที่มีมาตรฐานและเป็นธรรม ลั่นปีนี้เตรียมขยายผลสู่ตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่ง เป็น 50 แห่ง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทยมากขึ้นในการลดการพึ่งพาเงินทุนนอกระบบ และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนธุรกิจ SME ในประเทศไทยให้เดินหน้าไม่สะดุด
ดร.ปริสุทธิ์ รัตนมหาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมาร์ทฟินน์ โซลูชั่นส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านการเป็นผู้บุกเบิกบริการแพลตฟอร์มขายฝาก จับคู่ผู้ขายฝาก กับนักลงทุนใจดี ภายใต้สโลแกนบริษัท "เคียงข้าง สร้างโอกาสทางการเงิน" จนก้าวเข้ามาสู่ปีที่ 8 แล้ว โดยตลอดระยะเวลาของการเป็นแพลตฟอร์มก็เพื่อจะช่วยยกระดับการขายฝากให้มีมาตรฐานและสร้างโอกาสทางการเงินให้กับทั้งผู้ขายฝากและนักลงทุน บริษัทถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงในเรื่องของธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่ขยายตัวมากขึ้น ถ้าเทียบกับช่วง 1-2 ปีแรก ที่ลูกค้าอาจจะขาดความเข้าใจว่าแพลตฟอร์มขายฝาก จับคู่ผู้ขายฝาก กับนักลงทุนใจดี ของบริษัทคือธุรกิจอะไร
เพราะจุดเริ่มต้นของการทำแพลตฟอร์มขายฝากฯ ดังกล่าวมาจากการที่บริษัทเห็นโอกาสเรื่องราวของคนไทยที่เจอกับปัญหาหนี้นอกระบบค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะพี่น้องในกลุ่มต่างจังหวัด ถ้าย้อนกลับไปจะเห็นข่าวมากมายเกี่ยวกับนายทุนที่ตั้งใจมายึดทรัพย์เวลาที่พี่น้องต่างจังหวัดไม่สามารถหาเงินมาเคลียร์กับหนี้ของตนเองได้เนื่องจากโดนดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 3-4% ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 36 % ต่อปี ถือว่าเป็นดอกเบี้ยมหาโหดมาก ดังนั้นพี่น้องหลายๆ คนในต่างจังหวัด เมื่อเจอปัญหาแบบนี้ก็โดนยึดทรัพย์ ยึดที่อยู่อาศัย ขณะที่สถาบันการเงิน ธนาคาร จะมุ่งเน้นในเรื่องของการรับจำนองมากกว่า แต่ในเรื่องของการขายฝาก ยังไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย
บริษัท สมาร์ทฟินน์ฯ จึงเป็นบริษัทที่ถูกตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2560 เพื่อช่วยธุรกิจ SMEs ไทยในเรื่องเป็นแพลตฟอร์มขายฝาก จับคู่ผู้ขายฝาก กับนักลงทุนใจดีในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน จากนั้นก็ขยายเข้าไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดกว่า 40 แห่ง โดยจะเป็นจังหวัดที่มีสนามบินไปลง เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต อุดรธานี เป็นต้น ซึ่งบริษัท สมาร์ทฟินน์ฯ จะรับหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มขายฝาก จับคู่ผู้ขายฝาก กับนักลงทุนใจดี หรือ คนกลางจับคู่ระหว่างผู้ขายฝากที่ต้องการใช้เงินกับนักลงทุนใจดี ที่จะเข้ามาลงทุนซื้อฝากทรัพย์สินนั้นๆ ในรูปแบบขายฝากตามระยะเวลา เมื่อครบกำหนดระยะเวลา ตามตกลงกันผู้ขายฝากก็สามารถนำเงินมาไถ่ถอนทรัพย์สินนั้นๆ จากนักลงทุนใจดี กลับคืนเป็นของตนเองได้อีกครั้ง
โดยระหว่างการขายฝาก นักลงทุนใจดีจะเป็นผู้ถือครองโฉนดที่ดินของผู้ขายฝาก หรือ บ้านที่มีโฉนด เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการความสร้างมั่นใจให้กับนักลงทุน ในฐานะที่นักลงทุนเป็นเหมือนผู้ให้ผู้ขายฝากยืมเงินไปใช้หมุนทำธุรกิจก่อน ซึ่งในแต่ละทรัพย์สินไม่ว่าเป็นบ้าน หรือ ที่ดิน จะมีตรวจสอบอย่างเคร่งครัดผ่านกรมที่ดินเพื่อยืนยันความถูกต้องถึงการมีโฉนดที่ดิน และโฉนดบ้าน ของจริง ประกอบกับจะมีการลงไปประเมินตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ขายฝากจริง เพื่อนำมาคิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้กับผู้ขายฝากอยู่ที่ 50% ของราคาทรัพย์สินจริง
ทั้งนี้ ระหว่างระยะเวลาการรอการไถ่ถอนคืนของผู้นำมาขายฝาก สิ่งที่นักลงทุนจะได้คือ ดอกเบี้ยร้อยละ 9 ต่อปี ของทรัพย์สินที่นักลงทุนถือครอง ขณะเดียวกัน สิ่งที่บริษัท สมาร์ทฟินน์ฯ จะได้คือค่าธรรมเนียม ที่เกิดจากการจับคู่ผู้ขายฝาก คิดเป็นร้อยละ 3.99 %
อย่างไรก็ดี จากการทำธุรกิจที่เดินทางเข้ามาสู่ปีที่ 8 บริษัทได้รับผลตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนที่มีมากถึง 4,500 ราย ที่แวะเวียนเข้ามาร่วมประมูลรับซื้อฝากจากผู้นำทรัพย์มาขายฝากผ่านทางเว็บไซด์ของบริษัท โดย 1 ทรัพย์สินนักลงทุนใช้เวลาในการร่วมประมูลปิดการการซื้อขายแค่ 15 นาที ขณะที่ทรัพย์สินที่มีระหว่าง 1-4 รายการ นักลงทุนใช้เวลาในการร่วมประมูลปิดการการซื้อขายอยู่ที่ 30 นาที รวมเป็นการจับคู่สัญญาขายฝากตลอด 7 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 8,100 ล้านบาท ตัวเลขนี้เป็นการบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทในฐานะที่ สมาร์ทฟินน์ เป็นบริษัทที่มีจุดยืนการทำงานที่รวดเร็ว ถูกต้อง และ ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
นอกจากนี้ ดร.ปริสุทธิ์ กล่าวเสริมว่า แผนต่อไปของบริษัท สมาร์ทฟินน์ฯ คือ การขยายออกไปสู่ตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่ง รวมของเดิมที่มีอยู่ 40 แห่ง เป็น 50 แห่ง ในปี 2567 เพื่อให้เกิดการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องในต่างจังหวัด โดยเฉพาะธุรกิจ SME ให้สามารถมีทางเลือกในการหาเงินทุนมาหมุนเวียนทำธุรกิจผ่านวิธีการนำทรัพย์สินมาขายฝาก ผ่านแพลตฟอร์มขายฝาก จับคู่ผู้ขายฝาก กับนักลงทุนใจดี กับบริษัทสมาร์ทฟินน์ฯ ที่มีนโยบายมุ่งมั่นเพิ่มทางออกทางการเงินให้กับคนไทย ด้วยระบบขายฝากที่มีมาตรฐานและเป็นธรรม เพื่อลดการพึ่งพาเงินทุนนอกระบบ และเป็นอีกส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs ในประเทศไทยให้เดินหน้าไม่สะดุด ซึ่งปี 2567 คาดว่าจะมีมูลค่าทรัพย์สินที่เข้าการขายฝากไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 100 % โดยที่ปี 2566 มีมูลค่าทรัพย์สินที่เข้ามาขายฝากอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
ช่องทางติดตามข้อมูลเพิ่มเติม
Website : www.smartfinn.co.th
Facebook : www.facebook.com/Smartfinnsolutions
Line ID : @smartfinn
p