xs
xsm
sm
md
lg

เปิดขุมทรัพย์ เอกอุทัย ตัดราคากำจัด “กรด” รับต่ำกว่าตลาด 80%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายงานพิเศษ


ราคาค่าบำบัดหรือกำจัดที่ถูกกว่าราคาตลาดมาก ... เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้โรงงานรีไซเคิลในนาม “บริษัท เอกอุทัย” ยังได้รับของเสียมาจากโรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียมาโดยตลอด แม้ว่าชื่อของทั้ง เอกอุทัย และ วิน โพรเสส จะถูกพูดถึงในฐานะโรงงานที่มีปัญหาก่อมลพิษจากการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายมาอย่างยาวนาน และถูกพิสูจน์ยืนยันแล้วว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันผ่านกรรมการที่มีขื่อว่า โอภาส บุญจันทร์

อ่านประกอบ : พบกำจัด “ของเสียอันตราย” ที่ “เอกอุทัย” ได้ราคาที่ถูกกว่า

พบความเชื่อมโยง 2 โกดังเก็บสารเคมีไฟไหม้ เอกอุทัย ภาชี – วิน โพรเสส ระยอง

นอกจากการตรวจสอบ “ใบเสนอราคา” ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญว่า “ถูกกว่าราคาตลาดมาก” จำเป็นจะต้องทบทวนสถานะของเอกอุทัยและวิน โพรเสส เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น
*****

- สถานะตามกฎหมาย ... วิน โพรเสส - เอกอุทัย


จริงๆ แล้วมีโรงงานในชื่อ วิน โพรเสส ทั้งหมด 2 แห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.ระยอง แต่โรงงานที่สร้างปัญหาอย่างหนักจนกระทั่งเกิดไฟไหม้ตั้งอยู่ที่หนองพะวา อ.บ้านค่าย

ถ้านับเฉพาะ วิน โพรเสส ที่หนองพะวา จะพบว่า มีใบอนุญาตที่ดำเนินการได้ 2 ใบ คือ ลำดับที่ 40 (บดอัดกระดาษ) และลำดับที่ 60 (หล่อหลอมโลหะ) ซึ่งต่างจากของเสียอันตรายที่พบในโรงงานซึ่งจะคต้องถูกส่งไปยังโรงงานลำดับที่ 101 (กำจัดของเสียอันตราย) หรือ ลำดับที่ 106 (รีไซเคิล) จึงจะถูกต้อง .... ดังนั้น วิน โพรเสส ที่ อ.บ้านค่าย ไม่มีใบอนุญาตที่สามารถรับของเสียอันตรายเหล่านี้มาได้

ส่วน วิน โพรเสส ที่ อ.เมือง จ.ระยอง มีใบอนุญาตทั้งลำดับที่ 105 (คัดแยกขยะ) และลำดับที่ 106 (รีไซเคิล) โดยในฐานข้อมูลระบุว่า ประกอบกิจการ “คัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ซ่อม และ ล้างถังด้วยตัวทำละลาย และนำตัวทำละลายที่ใช้แล้วผสมกับน้ำมันที่ใช้แล้ว เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน” หมายความว่า นี่เป็นโรงงานที่สามารถรับ “น้ำมันที่ใช้แล้ว” มารีไซเคิลได้

ดังนั้น ย้ำว่า โรงงาน วิน โพรเสส ที่ อ.บ้านค่าย ไม่มีสถานะที่จะรับกากของเสียอันตรายได้ในทุกกรณี ส่วนโรงงานวิน โพรเสส ที่ อ.เมือง ระยอง สามารถรับล้างภาชนะที่ปนเปื้อนได้ด้วยใบอนุญาต “รีไซเคิล” (106)

ส่วน เอกอุทัย 3 สาขา มีใบอนุญาตดังนี้

สาขา อ.อุทัย มีใบอนุญาตลำดับที่ 105 (คัดแยกขยะ ฝังกลบของเสียไม่อันตราย) และ 106 (รีไซเคิล)

สาขากลางดง มีใบอนุญาตลำดับที่ 101 (เตาผา) ... สถานะปัจจุบัน ถูกสั่งปิด

สาขา อ.ศรีเทพ มีใบอนุญาตลำดับที่ 105 (ฝังกลบของเสียไม่อันตราย)

เมื่อดูสถานะตามนี้จะพบว่า เหลือโรงงานที่มีสถานะสามารถรับของเสียอันตรายมารีไซเคิลในนาม เอกอุทัย และ วิน โพรเสส ได้แค่ 2 โรงงาน คือ เอกอุทัย พระนครศรีอยุธยา (106) และ วิน โพรเสส อ.เมือง ระยอง (106) ส่วนเอกอุทัยที่กลางดง (101) มีสถานะเป็นเตาเผา ไม่ใช่โรงงานรีไซเคิล

แต่ของเสียอันตรายที่พบมาก และสร้างปัญหาอย่างหนักอยู่ที่ วิน โพรเสส บ้านค่าย ,โกดังภาชี (ไม่ใช่โรงงาน) ,เอกอุทัย ศรีเทพ (ฝังกลบ) ซึ่งถูกสันนิษฐานว่า เป็นจุด “ทิ้ง” แบบ “ไม่มีต้นทุน” และของเสียที่พบเกือยทั้งหมดมีสภาพเป็น “กรด”

ภาพจาก มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH)
- กรด ... วายร้ายตัวจริง

แม้จะมีเพียงใบเสนอราคากากของเสียอันตรายชนิดอื่นๆ เช่น กากสี ภาชนะปนเปื้อนสารเคมี ตะกอนจากบ่อพักน้ำเสีย และกากตะกอนจากการขัดบ่อแก้วกระจก ที่สามารถยืนยันได้ว่า บริษัท เอกอุทัย พระนครศรีอยุธยา เสนอราคารับของเสียมาบำบัดในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก แต่มีข้อมูลที่ยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญในวงการการกำจัดของเสียอันตรายว่า “ของเสีย” ที่มีราคาบำบัดหรือกำจัด “ต่างจากราคาจริงมากที่สุด” ก็คือ “กรด”

ผู้เชี่ยวชาญในวงการรับกำจัดของเสียอันตราย บอกด้วยว่า ของเสียที่พบมากที่สุดในถัง 200 ลิตร และถัง 1,000 ลิตร ซึ่งถูกทิ้งไว้ในโรงงาน วินโพรเสส ,เอกอุทัย ,หรือแม้แต่ในโกดังภาชี ก็คือของเสียประเภท “กรด”

“ไปตรวจสอบเอกสารได้เลย ในวงการรับกำจัดของเสียรู้กันดีว่า เอกอุทัย เป็นบริษัทที่รับซื้อ “กรด” ไปในราคาที่ถูกมาก เขารับซื้อไปราคาต่ำที่สุดแค่ตันละ 1,800 บาทเท่านั้น หรืออย่างมากก็ไม่เกินตันละ 2,200 บาท ... ทั้งที่ในการจะกำจัดกรดมีต้นทุนสูง จึงมีราคาตลาดที่รับกำจัดกันต่ำที่สุด ไม่น้อยกว่าตันละ 10,000 บาท หมายความว่า เอกอุทัย รับกำจัด “กรด” ในราคาที่ต่ำกว่าเข้าอื่นถึงประมาณตันละ 8,000 บาท”


กรด คือ สารที่ใช้กันมากในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเหล็กและการชุบโลหะ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ โดยโรงงานกลุ่มนี้จะใช้กรดเป็นสารในการกัดโลหะให้กลับคืนไปเป็นสีเดิมของมัน ซึ่งในโรงงานที่มีมาตรฐานสูง จะใช้กรดเพื่อชุบโลหะประมาณ 2 ครั้ง แต่ในโรงงานส่วนใหญ่จะใช้กรดกัดโลหะไปจนกว่าเปอร์เซ็นต์ความเป็นกรดจะเหลือต่ำมากจนกัดไม่ได้อีก ดังนั้นกรดเกือบทั้งหมดจะถูกส่งไปกำจัดมากกว่าที่จะถูกส่งไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอีก เพราะกรดที่ใช้แล้วแทบจะไม่เหลือความเป็นกรดให้นำไปรีไซเคิลได้อีกแล้ว ซึ่งในการกำจัดกรดสามารถทำได้หลายวิธี มีราคาค่ากำจัดตั้งแต่ตันละ 10,000 – 20,000 บาท

“ต้องยอมรับว่า มีโรงงานอยู่ประมาณ 2-3 แห่ง ที่มีศักยภาพในการรีไซเคิลกรดได้ และรับกรดมาในราคาประมาณ 2,000 บาทต่อตัน ซึ่งใกล้เคียงกับราคาที่บริษัท เอกอุทัย รับมา”

“แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ตรวจสอบได้ยาก เพราะโรงงานที่สามารถรีไซเคิลกรดได้ จะรับกรดจากกลุ่มอุตสาหกรรมชุบโลหะที่มีมาตรฐานสูงซึ่งใช้กรดไปกัดโลหะแค่ 1-2 ครั้ง เท่านั้น และเขายังต้องตรวจสอบคุณภาพกรดที่จะรับมาก่อนว่าเหลือเปอร์เซ็นต์มากพอที่จะนำไปรีไซเคิลเป็นกรดเกรดต่ำเพื่อนำมาขายต่อในราคาที่คุ้มกับต้นทุนหรือไม่”

“ดังนั้น ไปตรวจสอบได้เลยว่า เอกอุทัยที่อยุธยา มีเครื่องจักรที่สามารถรีไซเคิลกรดได้จริงหรือไม่ ... แต่ที่แน่ๆ คือ มีข้อมูลว่า ได้รับกรดมาโดยอ้างว่าจะนำไปรีไซเคิลเป็นจำนวนมาก”
ผู้เชี่ยวชาญในวงการรับกำจัดกากของเสียอันตราย กล่าว

และจากการตรวจสอบในระบบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า บริษัท เอกอุทัย สาขา อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา มีข้อมูลการรับสารเคมีประเภท “กรด” เข้ามาในโรงงาน เพื่อนำไปกำจัดด้วยวิธี “รีไซเคิล” ตั้งแต่ปี 2558 มาจนถึงช่วงที่โรงงานถูกสั่งปิดเมื่อปี 2566 รวมเป็นปริมาณ 89,700 ตัน

“ประเด็นนี้ต้องตั้งคำถามกับระบบของกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย เพราะในวงการรู้กันดีอยู่แล้วว่า กรด เป็นสารที่แทบจะไม่ถูกนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิล หรือหากมีโรงงานที่จะทำได้ก็ต้องรับกรดมาจากโรงงานที่มีมาตรฐานสูง และผู้รับรีไซเคิลก็ต้องมีเครื่องมือที่สามารถทำได้จริงเท่านั้น ... แต่ระบบของเรากลับไปเปิดช่องไว้ว่า ... แค่มีใบอนุญาตรีไซเคิล ก็สามารถแจ้งขอรับกรดเข้ารีไซเคิลได้ในราคาที่ถูกกว่าค่ากำจัดหลายเท่า ... เป็นช่องโหว่ที่ใหญ่มากๆ”

“จากข้อมูลที่เราเห็นกัน ... เอกอุทัย รับกรดไป 89,700 ตัน รับในราคาตันละ 1,800 – 2,200 บาท จากราคาค่ากำจัดขั้นต่ำที่สุดตันละ 10,000 บาท กรดส่วนมาก จึงไม่ถูกส่งไปกำจัดอย่างที่ควรจะเป็น ... นี่เป็นเหตุผลที่เราพบกรดจำนวนมากอยู่ในรายการสารเคมีที่ถูกลักลอบทิ้ง” ...
ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น