ไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ต้นสังกัดเก่าฟ้องเรียกค่าเสียหาย "น้องสไปรท์" นักร้องยอดกตัญญู 14 ล้านลดเหลือ 7 ล้าน รอศาลชี้ 2 สถาน เหตุพ่อและแม่ของน้องมองว่ายังไม่เป็นธรรม เพราะรายได้ของน้องที่ได้มาทั้งหมดไม่ได้เข้ากระเป๋าน้อง แต่เข้าที่ช่องหรือต้นสังกัดใหม่
จากกรณี น้องสไปรท์ หรือ ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ นักร้องยอดกตัญญู เจ้าของเพลงดัง “ทน” ยอดวิว 420 ล้าน จนได้ขึ้น Global Billboard โดนต้นสังกัดเก่าฟ้องเรียกค่าเสียหาย 14,000,000 บาท โดยอ้างว่าน้องผิดสัญญาว่าจ้าง หลังจากไปร้องเพลง โชว์ผลงานเพลงตามสถานที่ต่างๆ โดยไม่ได้ขออนุญาตค่ายเก่า
วันนี้ (17 มิ.ย. 67) นายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ เปิดเผยว่า ได้พาน้องสไปรท์พร้อมผู้ปกครองเดินทางมายังศาลจังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อไกล่เกลี่ยกับต้นสังกัดเก่าคู่กรณี หลังจากมีการพูดคุยกัน ฝั่งต้นสังกัดเก่าเรียก 14 ล้านบาท ได้พยายามอธิบายเหตุผลของเขาที่เรียกเงินจำนวนนี้ ซึ่งก็เข้าใจได้
แต่เหตุผลของฝ่ายเราคือ เงินรายได้ทั้งหมดที่น้องได้มาผ่านช่อง ไม่ได้ผ่านตัวน้อง ถ้าอยากฟ้องร้องต้องฟ้องเจ้าของช่อง ถ้าอยากฟ้องน้องต้องฟ้องในกรณีที่น้องมีรายได้ผ่านมาจากช่อง ในกรณีที่มีสัญญาผูกมัดกันอยู่ จะกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไปตามสัญญา
พอคุยกันได้สักระยะ จาก 14 ล้าน ต้นสังกัดเก่ายอมลดให้ 50 เปอร์เซ็นต์ คือ 7 ล้าน ซึ่งผมได้ปรึกษาพ่อและแม่ของน้องแล้วก็ยังรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม
นายกาวี พวงสมบัติ พ่อของน้องสไปรท์ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่เป็นธรรมถึงแม้จะลดลงมาเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ คือ 7 ล้านบาท จริงๆ แล้วรายได้ของน้องที่ได้มาทั้งหมดไม่ได้เข้ากระเป๋าน้อง หรือพ่อแม่เลย แต่เข้าที่ช่องหรือต้นสังกัดใหม่ที่น้องไปประกวด น้องได้แค่ค่าน้ำมันที่น้องไปเข้าประกวดแค่นั้นเอง ที่ผ่านมาน้องผลักดันตนเองมาโดยตลอด 100% ไม่เคยมีใครมาช่วยเหลือ
ทั้งนี้ หลังจากไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นกระบวนการของศาลชี้ 2 สถาน โดยทางโจทก์สืบ 5 ปาก ทางฝั่งตนเองสืบ 4 ปาก ตนมองเรื่องการยกเลิกสัญญาว่าจู่ๆ จะบอกเลิกสัญญาชาวบ้านเลยไม่ได้ เพราะมีการเซ็นกันสองฝั่ง ถ้าไม่มีเหตุบอกเลิกสัญญา แต่อีกกรณีคือการบอกเลิกสัญญากันด้วยลายลักษณ์อักษร และอีกกรณีคือการบอกเลิกสัญญากันโดยปริยาย อันนี้ไม่จำเป็นต้องมีลายลักษณ์อักษร แต่พฤติการณ์ที่ทั้งสองฝั่งแสดงออกต่อกันตีความได้หรือไม่ว่ามีการบอกเลิกสัญญากัน ถ้าตีความได้ก็ไม่จำเป็นต้องมีลายลักษณ์อักษร