เกมล้มรัฐบาล 'นายใหญ่' ปะทะ 'คนในป่า' เดิมพันเก้าอี้นายกฯ

การเมืองไทยเวลานี้เป็นการฟาดฟันระหว่าง 'ทักษิณ' นายใหญ่เพื่อไทย และ 'บิ๊กป้อม' หัวหน้าพลังประชารัฐ แม้ทั้งสองพรรคจำเป็นต้องจับมือสกัดก้าวไกล แต่ความไม่เชื่อใจกัน ขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้ 'เศรษฐา' จึงเริ่มขึ้น



การเมืองไทยเวลานี้กลายเป็นการห่ำหั่นและฟาดฟันระหว่าง 'ทักษิณ ชินวัตร' นายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย และ 'บิ๊กป้อม' พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แม้พรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ ต่างมีความจำเป็นที่ต้องใช้อากาศหายใจร่วมกันในทำเนียบรัฐบาล เพื่อสกัดพรรคก้าวไกล

แต่ความบาดหมางใจของบิ๊กป้อมเองก็ไม่ได้คลายลง ถึงขนาดที่ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ยอมเดินทางมาลงคะแนนให้กับ 'เศรษฐา' เป็นนายกฯกลางที่ประชุมรัฐสภา ทั้งๆที่ต่างฝ่ายต่างจับมือเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ยิ่งนานวันความสั่นคลอนเริ่มทวีมากความเข้มข้นมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อและความไม่ไว้ใจระหว่างกัน ฝั่งทักษิณมองว่าบิ๊กป้อมยังมีอิทธิพลในองค์กรอิสระหรือหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอย่างฝังรากลึก ขณะที่ ‘บิ๊กป้อม’ รวมถึงคนแวดล้อมว่าพลเอกประวิตรมีความเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำประเทศมากกว่านายกฯคนปัจจุบัน เนื่องจากมีประสบการณ์การทำงานมากกว่าและไม่มีภาพของความเป็นนายทุนเหมือนกับนายกฯของพรรคเพื่อไทย

จากความนึกคิดตรงนี้ที่ทำให้ขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้ 'เศรษฐา' จึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นขบวนการ

งานใหญ่แบบนี้ลำพังพลเอกประวิตรคนเดียวย่อมไม่อาจทำได้ แต่ขุนพลคู่ใจที่คอยเป็นมันสมองเดินเกมทำงานให้ถึง 4 คน ประกอบด้วย 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ,'ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล' อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ,'ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี' ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ และ 'สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์' อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความเคลื่อนไหวของ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' แม้ว่าช่วงนี้อาจจะดูเงียบๆไปบ้างและไม่ค่อยมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนมากเหมือนที่ผ่านมา แต่ในแง่ของการเดินเกมทางการเมืองนั้นพบว่ามีการเดินหมากที่น่าสนใจ กล่าวคือ ต้องไม่ลืมว่าไพบูลย์เป็นส.ว.มาก่อน ร่วมรุ่นกับส.ว.ในกลุ่ม 40 ส.ว.หลายคนที่ร่วมลงชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยชี้ขาดสถานะนายกฯของ 'เศรษฐา'

ลงลึกยิ่งไปกว่านั้นที่เมื่อครั้ง 'ไพบูลย์' เป็นส.ว.ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็จะพบว่าส.ว.หลายคนในกลุ่ม 40 ส.ว.หรือแม้แต่ส.ว.อีกไม่น้อยในปัจจุบันก็ล้วนเคยเป็นคนที่ร่วมกันยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสอยยิ่งลักษณ์ตกเก้าอี้นายกฯมาแล้ว

จึงไม่แปลกที่มีการพูดกันในหมู่ส.ว.ว่าจริงๆแล้วการร้องศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีแค่ส.ว.40 คน แต่เป็น 40 ส.ว.+1 คน ซึ่ง 1 คนที่ว่านี้ก็คือ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' นั่นเอง

ขณะเดียวกัน 'ไพบูลย์' ยังมาเหนือเมฆด้วยการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยต่อกรณีการการจัดทำ บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU2544) นั้นทำขึ้นโดยขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเป็นการละเมิดสิทธิประชาชนหรือไม่

ปัญหาข้อพิพาทเรื่อง MOU2544 มีความคาราคาซังมาเป็นเวลา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนในหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนทางบกและทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ไม่อาจหาข้อยุติร่วมกันได้ แต่อยู่ดีๆที่เรื่องกลับมาอยู่ในสปอตไลท์ภายหลังมือกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ประเด็นนี้ถ้าในมุมของกฎหมายคงต้องเป็นเรื่องที่ต้องว่ากันอีกยาว แต่ในมิติทางการเมืองถือว่ามีนัยยะทางการเมืองเช่นกัน เป็นเพราะทราบกันดีว่าปัจจุบัน 'ทักษิณ' และ 'สมเด็จ ฮุนเซน' อดีตผู้นำกัมพูชา กำลังต่อท่ออำนาจกันอยู่ผ่านนอมีนีของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นของฝั่งไทยที่นำโดย 'เศรษฐา' หรือแม้แต่ 'แพทองธาร ชินวัตร' หัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่รอวันขึ้นเป็นใหญ่ในอนาคต ส่วนกัมพูชาก็มี 'สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต' นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ลูกชายของเพื่อนรักทักษิณ

โดยเฉพาะการเดินทางมาเยือนประเทศไทยก่อนหน้านี้ของสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในวาระของการหารือร่วมกันของผู้นำของทั้งสองประเทศ คือ เรื่องเส้นเขตแดนและการพัฒนาแหล่งพลังงานเขตพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา (Overlapping Claims Area : OCA) ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนยิ่งกว่าพื้นที่พิพาทบริเวณเขาพระวิหารด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้เองการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหา MOU 2544 จึงเท่ากับเป็นการสกัดไม่ให้บางคนคิดการใหญ่ไปมากกว่านี้

ศึกการประสานงาของสองผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนมีเดิมพันและราคาที่ต้องจ่ายสูงอย่างมาก หากครั้งนี้นายใหญ่เอาอยู่และผ่านไปได้ แน่นอนว่าพรรคพลังประชารัฐต้องถูกดีดออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยก็พร้อมจะหาอะไหล่มาทดแทน

ส่วนบิ๊กป้อมถ้างานนี้ชนะและเศรษฐาต้องกระเด็นตกเก้าอี้ โอกาสที่จะเป็นนายกฯในช่วงบั้นปลายก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะมีส.ส.จากค่ายก้าวไกลที่กำลังหนีร้อนจากคดียุบพรรคมาพึ่งความร่มเย็นจากบ้านป่า

ไม่เว้นแต่บรรดาขุนพลรอบกายบิ๊กป้อมที่ก็หวังให้นายตัวเองได้ขึ้นสู่จุดสูง เพราะนั่นหมายถึงการจะได้ตบรางวัลอย่างงาม ถึงขนาดที่อาจต้องเรียกชื่อและเปลี่ยนสรรพนามกันใหม่ว่า 'รองนายกฯไพบูลย์' หรือ "ธีระะชัย" กลับบมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีคลัง และ 'สนธิรัตน์' ว่าที่เจ้ากระทรวงพลังงาน กันเลยทีเดียว

-----------------------------
Sondhi App เปิดให้ Download ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android