คำ ผกา พิธีกรช่องวอยซ์ทีวี เตือนใบตองแห้งอีกครั้ง อย่าหากินกับคำว่าตระบัดสัตย์ ลดทอนคุณค่าคนอื่น แนะกลับไปทบทวนเคยโพสต์อะไรไว้ อีกด้านแฉคนที่ออกไปแล้วอีกราย กินนอนที่สถานี โทรศัพท์ไม่มีเป็นของตัวเอง แถมทำขายหน้าไปขอนักการเมืองเลี้ยงอาหารหรูต่างจังหวัด ขอลง ส.ส.เพื่อไทยแต่เขาไม่ให้ ใครเอาไปทำงานด้วยระวัง คนเกลียดทั้งบริษัท
วันนี้ (18 เม.ย.) จากกรณีที่ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา พิธีกร นักเขียนชื่อดัง กล่าวในรายการ Talking Thailand ทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ตอบโต้นายอธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง ผู้ดำเนินรายการและคอลัมนิสต์เครือมติชน ซึ่งมีแนวคิดสนับสนุนพรรคก้าวไกล วิจารณ์กรณีที่พรรคเพื่อไทยมีนักวิชาการมาช่วยงานเทรน ส.ส.บ้านใหญ่ ทั้งที่เป็นพรรคข้ามขั้วตระบัดสัตย์ ว่า นักวิชาการไม่มีปัญหากับคำนี้ แต่พรรคก้าวไกลไม่รับผิดชอบที่พรรคเพื่อไทยยอมให้ตั้งรัฐบาล 2 ครั้งแล้วไม่มีความสามารถในการรวมเสียง และเห็นว่าเป็นวาทกรรมโกหกหลอกลวงของพรรคก้าวไกล พร้อมกล่าวว่า นายอธึกกิตรับเงินจากวอยซ์ทีวีแต่ทำงานให้พรรคก้าวไกล กลืนเลือดมาสักเท่าไหร่อย่าให้พูด ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านประกอบ : คำ ผกากระตุกว่าวพิธาชนะอะไร อัดใบตองแห้งตกร่องตระบัดสัตย์ ก้าวไกลสร้างวาทกรรมปลอมๆ
ล่าสุดวันนี้ น.ส.ลักขณากล่าวในรายการ In Her Eyes ทางช่องวอยซ์ทีวี หัวข้อ "เงินอยู่ที่ Voice ใจลอยอยู่ที่อื่น" กล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า ตนบล็อกโซเชียลมีเดียของนายอธึกกิตไปนานแล้วเพราะทนอ่านไม่ได้ แต่ไม่ต้องการจะเกลียดนายอธึกกิต เพราะเป็นคนที่มีคุณธรรมน้ำมิตรในแบบของเขา ไม่อยากจะเกลียดเขาจึงไม่อ่านดีกว่า เพราะถ้าอ่านไปเรื่อยๆ ก็จะเกลียดกัน พยายามรักษาระยะ แม้จะมีคนแคปฯ หน้าจอก็พยายามไม่อ่าน แต่ที่นายอธึกกิตกล่าวนั้นจะยอมรับกับตัวเองหรือไม่ว่านายอธึกกิตปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคเพื่อไทยเริ่มมีกองอะคาเดมีเป็นของตัวเองเทรน ส.ส. เป็นเรื่องที่ดี นายอธึกกิตก็เถียงไม่ได้ แต่ความอิจฉาริษยาอะไรก็ไม่รู้ ที่นายอธึกกิตอาจไม่รู้ตัว ทำให้พลาดสองจุด
จุดแรก นายอธึกกิตไปกล่าวถึงเรื่องเงินเดือน 5 หลัก ตนถามว่าเงินเดือนคนจบปริญญาโทขึ้นไปที่อยู่ในกองอะคาเดมีควรได้เงินเดือน 4 หลักหรือ เงินเดือน 20,000 บาทก็ 5 หลักหรือเปล่า แต่ว่าต้องใส่ลงไป เพราะความริษยาอันตัวเองไม่ตระหนักรู้ ที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจ่ายให้คนทำงานพรรคได้เยอะขนาดนี้หรือเปล่า และระดับผู้อำนวยการกอง ระดับซีเนียร์ทำงานภาคเอกชน เงินเดือนต้อง 1 แสนบาทขึ้นไปไหม ก็ต้องมี 1 คนที่เงินเดือนหลักแสนบาทขึ้นไป เพราะเป็นหัวหน้าภาค ซึ่งเป็นอัตราเงินเดือนปกติ แล้วจะหยิบมาเขียนเพื่ออะไร และทำให้ตนเห็นความไม่บริสุทธิ์ใจ
จุดที่สอง นายอธึกกิตใช้คำว่า มาเทรน ส.ส.บ้านใหญ่ จะใช้คำว่าเทรน ส.ส. ก็ ส.ส. และไม่ได้มีปัญหากับคำว่าบ้านใหญ่ แต่นายอธึกกิตมีปัญหา และเลือกหยิบคำนี้้เพื่อให้คนอ่านไปเหมารวมว่าเป็นการเมืองเก่า บ้านใหญ่โง่ มีแต่เงิน ระบบลูกท่านหลานเธอ ตนไม่โง่ อ่านโพสต์นายอธึกกิตระหว่างบรรทัดได้ว่า จะโดยรู้ตัวหรือไม่ นายอธึกกิตกำลังสื่อสารสิ่งเหล่านี้ออกมา และนายอธึกกิตทำมาตลอดชีวิต โดยที่ตั้งใจทำเพื่อสร้างมลทินให้กับผู้อื่น ก็ต้องใส่คำว่าบ้านใหญ่ ทั้งๆ ที่คำว่าทำเทรนนิ่ง ส.ส. สามารถหยุดประโยคได้ตรงนั้น แต่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ก็ต้องใส่คำว่าบ้านใหญ่เป็นคุณศัพท์เข้าไป ทั้งที่ ส.ส.เพื่อไทยมีทั้งบ้านใหญ่และไม่มีบ้าน หัวเดียวกระเทียมลีบมาก็มี เป็น ส.ส.มาด้วยความรู้ความสามารถเพราะเก่งจริง มีหลากหลายมาก
ส่วนที่กล่าวหาว่านักวิชาการพวกนี้เป็นอีแอบ ไม่เปิดตัว เว้นแต่ว่าโดนแอบถ่ายนั้น น.ส.ลักขณากล่าวว่า นักวิชาการคนดังกล่าวไม่ได้ไปช่วย แต่เป็นอาจารย์ของลูกศิษย์ที่ไปทำงานพรรคเพื่อไทย และเป็นอาจารย์ของ ส.ส.หลายคน เขียนหนังสือเรื่องระบบอุปถัมภ์ การเมืองท้องถิ่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และอีกหลายเรื่อง ทำสัมภาษณ์ทุกพรรค ตอนหาเสียงก็ตามพรรคก้าวไกล และ ส.ส.ปราจีนบุรีรายหนึ่งช่วงหาเสียง ถ้าแอบถ่ายนักวิชาการคนดังกล่าวก็มีครบทุกพรรค และการที่นักวิชาการคนดังกล่าวไม่เอาหน้าไปออกสื่อมาก เพราะเขาไม่หิวแสง ถ้าคนหิวแสงไม่รอให้แอบถ่าย เอาตัวเดินตัดหน้ากล้องแล้ว
"อย่าเอาบรรทัดฐานแบบคนก้าวไกลมาใช้กับเรา เมื่อที่เมนชัน (กล่าวถึง) มาไม่อยู่ในพอยต์ (ประเด็น) ว่าจุดประสงค์ของการเขียนเฟซบุ๊กต้องการอะไร ต้องการจะชมเหรอว่าพรรคเพื่อไทยเทรนนิ่ง ส.ส.แบบอัคาเดมิกแล้ว หรือต้องการแขวะนักวิชาการที่เข้าใจพรรคเพื่อไทย จุดที่สาม นายอธึกกิตกำลังเสี้ยม เป็นนิสัยแบ่งแยกแล้วปกครองที่ซ้ายเก่าชอบทำ คุณคิดแบบตื้นๆ คิดแบบใจแคบแบบพวกคุณ ดูซินางแบก แบกในทวิตเตอร์แทบตายไม่ได้สักบาท พวกนี้มันไม่เปิดหน้า มันมารับเงินเดือนพรรค ต้องการอย่างนั้นใช่ไหม อันนี้คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริง อยากจะเสี้ยมให้คนทะเลาะกัน"
"แล้วพี่ถึก (นายอธึกกิต) ไม่รู้ตัวนะเวลาเขียนอะไรอย่างนี้ แล้ววันหนึ่งพี่ถึกจะขอบคุณแขก (น.ส.ลักขณา) ที่แขกมานั่งเตือนพี่ถึกแบบนี้ตรงไปตรงมา แบบไม่กลัวถูกเกลียดชังจากพรรคพวกพี่ เกลียดแขกได้เลยค่ะ นั่งจ้องตาแขกได้เลย ใครที่อยากเกลียดแขก เกลียดเลย เพราะความเกลียดชังของคุณทำลายแขกไม่ได้ มันไม่กระทบชีวิตแขก ความเกลียดชังของพวกคุณ แต่การที่แขกต้องหลอกตัวเอง สิ่งนั้นทำลายแขก แขกไม่สามารถมีชีวิตแบบหลอกตัวเองหรือหลอกคนอื่นได้ แล้วเวลาพูดถึงใคร แขกจะพูดตรงๆ แล้วเอ่ยชื่อ เพราะแขกบริสุทธิ์ใจ และทุกอย่างที่แขกทำไม่มีนอกไม่มีใน เพราะฉะนั้นพวกคุณอย่าเอา Conspiracy theory (ทฤษฎีสมคบคิด) หรือความมีนอกมีในแบบพวกคุณมา Judge (ตัดสิน) เรา"
น.ส.ลักขณากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นนางแบกจิตอาสาทั้งนั้น เงินไม่เคยได้ แล้วรู้ว่านางแบกทุกคนมีอาชีพ มีการงานของตัวเอง วัตถุประสงค์ที่นายอธึกกิตโพสต์เฟซบุ๊ก ไม่เข้าใจว่าโพสต์เพื่ออะไร ชมก็ไม่ใช่ แล้วมาเสี้ยมทำไม ใส่คำว่าบ้านใหญ่ทำไม มาพูดเรื่องนักวิชาการไม่เปิดหน้าเพื่ออะไร แล้วทั้งหมดนี้แต่ละจุดของโพสต์ดังกล่าวมันไม่มีอะไรเป็นคู่ขนานกันเลย ทำให้เรามองไม่เห็นว่าแล้วคุณต้องการอะไรจากโพสต์นี้ ส่วนคำว่าตระบัดสัตย์ ที่ผ่านมาก็รู้สึกขำๆ เลยเขียนว่า ขอบคุณเพื่อไทยที่ตระบัดสัตย์ เราไม่ต้องรอ 10 เดือน เพราะเรารู้สึกว่ามัน Nonsense (ไร้สาระ) แต่ 7 เดือนยังไม่เลิกพูดอีกเหรอ ไม่เบื่อเหรอ ไม่มูฟออนเหรอ แล้วพวกคุณไม่มีอะไรจะมาหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคุณแล้ว ต้องอยู่กับวาทกรรมคำว่าตระบัดสัตย์
เป็นจุดฉุนขาดว่า ตนไม่ขำแล้วนะ ไม่ออกมาเล่น ต้องออกมาพูดว่า เป็นสิ่งที่ถนอมน้ำใจกันไว้แล้วจะไม่พูด ลึกๆ ในใจอยากจะบอกว่า คนที่ตระบัดสัตย์ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ตั้งหลักกันดีๆ พรรคที่มี ส.ส.มากที่สุด 151 คน คือพรรคก้าวไกล พรรคที่มี ส.ส.อันดับสองคือพรรคเพื่อไทย 141 เสียง โดยปกติพรรคอันดับสองจะตั้งรัฐบาลแข่ง หรือประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านไปเลย แต่ด้วยสภาวะไม่ปกติของการเมืองไทยที่มีเสียง ส.ว.อยู่ ก็อยากให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคอันดับสองจึงมาเซ็นเอ็มโอยู เรื่องนี้ยอมรับความจริงกันได้ไหม พรรคเพื่อไทยควรจะตั้งรัฐบาลแข่งตั้งแต่วันแรกหลังผลการเลือกตั้งออก แต่เห็นความเป็น Solidarity (ความสามัคคี) ของฝั่งประชาธิปไตยด้วยกัน ก็เลยจับมือและเซ็นเอ็มโอยูกับพรรคก้าวไกล
แล้วพรรคก้าวไกลจับเขามัดมือชกตั้งแต่วันแรก ต้องแบบนั้นแบบนี้ ทุกอย่างในเอ็มโอยูยิ่งใหญ่เหลือเกิน ไม่ว่ากัน ก็ตามๆ กันไป นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ถลามากราบตักนายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย บอกว่าผมขอโทษนะครับ หลายๆ เรื่องที่ผมพูดบนเวทีปราศรัย มันไม่เป็นความจริง แต่ ณ วันนั้นผมไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้แลนด์สไลด์ เพิ่งผ่านมา 7 เดือน มันไม่มีใครลืมเรื่องพวกนี้ ก็พยุงกันมา แล้วทุกคนก็รู้ว่าลำพังพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเสียงมันไม่พอ พรรคก้าวไกลก็เที่ยวไปด่าพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ มีกรณ์ไม่มีกู ส.ว. ...กี่โมง สร้างศัตรูทุกวัน แล้วโกหกกับเรา เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ส.ว.จะโหวตให้นายพิธา กลับไปทบทวนตัวเองกันดีๆ
แล้วท้ายที่สุดเป็นยังไง พรรคเพื่อไทยโหวตให้ 2 รอบ 141 เสียงครบถ้วน พรรคก้าวไกลหาเสียง ส.ว.ไม่ได้ แล้วไม่พูดความจริงกับใคร แกนนำพรรคเพื่อไทยถามพรรคก้าวไกลทุกวันว่าได้ ส.ว.มากี่เสียง เราจะได้ช่วย ก็พูดแต่ว่าครบแล้ว อันนี้คือความจริงเอามาพูดกัน เดินข้ามตึกกันไปมาระหว่างตึกเพื่อไทย กับตึกไทยซัมมิทกี่รอบ แล้วพี่อ้วน (นายภูมิธรรม) เดินไปตึกไทยซัมมิท พวกด้อมมายืนชี้หน้าด่าเขา คนอายุ 70-80 ปี จำภาพนั้นได้ไหม เขาอดทน โอเคเรื่องชนช็อกมินต์มีบ้าง แต่ยังไงเราทำไม่เหมาะสม เขาก็ไม่เคยมาแก้ตัวว่าสิ่งนั้นเหมาะสม แต่การที่พรรคก้าวไกลหาเสียง ส.ว.ไม่ได้คือเรื่องจริง และท้ายที่สุดก็เกิดคำว่า ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลใช่ไหม
แล้ววันนั้นนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ก็เปิดโอกาสแล้วว่าถ้าวางเรื่อง 112 ก็จะยกมือให้เดี๋ยวนี้ ทำไมไม่จ้องตาเขาแล้วดูว่าใครกะพริบตาก่อนคนนั้นแพ้ วาง 112 แล้วท้าพิสูจน์เลยว่าพรรคภูมิใจไทยยกมือให้จริงหรือเปล่า ถ้าวางแล้วไม่ยกเสียหมา ทำไมวันนั้นไม่ท้าวางเดิมพันกัน ลึกๆ แล้วกลัว ไม่กล้าเป็นรัฐบาล นายพิธาไม่กล้าเป็นนายกฯ เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่รู้ตัวเองจะทำได้หรือเปล่า ปกติที่ตนด่าหยาบคายสาดเสียเทเสียเพราะเมตตา ไม่อยากเอาความจริงเจ็บๆ แบบนี้มากระแทกหน้ากัน แต่ถ้าทำให้ตนหมดความอดทนก็จะนั่งเล่าแบบนี้ แล้วเป็นไง
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บินไปฮ่องกงจริง น.ส.พรรณิการ์ วานิช (ช่อ) บอกไม่ไป ธนาธรบอกว่าไป เรื่องพวกนี้คุณยังไม่กล้าพูดความจริงกับใครเลย แล้วเราก็ไม่รู้ว่าตกลงช่อหรือธนาธรโกหก อาจจะพูดจริงด้วยกันทั้งคู่ก็ได้ เราก็ไม่ตามไปขุดคุ้ยพวกคุณ เห็นสปิริตของพวกเราไหม เรื่องนายพิธาตีเมียที่เขาร่ำลือกัน ไปค้นดู ไม่มีทวิตเตอร์อันไหนขุดเรื่องส่วนตัวแบบนั้นมาโจมตีนายพิธา ตนไม่เคยลงไปเล่นเกมนั้น การเมืองอยู่ในที่สาธารณะ ตนไม่เอาเรื่องลูกเรื่องเมียของคนมายุ่ง วันนี้ดูว่าใครนักเลง ใครคนจริงกว่ากัน นายธนาธรไปคุยอะไรกับนายทักษิณ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง กลับมาพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยโหวตให้พรรคก้าวไกล 2 ครั้ง 141 เสียง แต่พรรคก้าวไกลไม่ให้พรรคเพื่อไทยแม้แต่เสียงเดียว
"เอาความจริงมาคุยกันว่าใครตระบัดสัตย์ ใครพูดอะไรไว้กับใคร ตีสองหน้า ตกลงในห้องอย่างหนึ่ง ออกมาพูดข้างนอกอย่างหนึ่ง สันดานใคร ... ถนอมน้ำใจกันมาตลอด แต่พวกคุณไม่เคยถนอมเรา และย่ำยีเรามาตลอด บิดเบือนใส่เรามาตลอด แล้วใช้วาทกรรมตระบัดสัตย์ เรายังไม่ตามไปเล่น เรามูฟออนๆ ลากเรากลับมา แล้วยันหลังพิงฝาให้แขกพูดเรื่องนี้ทั้งหมด หยุดหากินกับคำว่าตระบัดสัตย์ เพื่อไทยเขามี 10.9 ล้านเสียง เขาโอเคที่จะข้ามขั้ว มั่นใจว่า 10.9 ล้านเสียงที่เลือกเพื่อไทยแฮปปี้ที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล และอีก 9 ล้านเสียงอาจจะแฮปปี้ที่ไม่รวมกับก้าวไกล จะบอกให้ ก็ในเมื่อก้าวไกลทำไม่ได้ เราก็ต้องทำ และเราเป็นรัฐบาลผสม ไหนตอนหาเสียงบอกมีลุงไม่มีเรา ตอนนี้ลุงเป็นนายกฯ เหรอ เพื่อไทยข้ามขั้ว นายกฯ ไม่ได้ชื่อประยุทธ์ นายกฯ ชื่อเศรษฐา เป็นแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เราได้โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีมากที่สุด เราได้ทุกอย่างใน ส.ส. 141 คน ในภาวะปกติไม่น่าได้ กราบขอบพระคุณพรรคร่วมทุกท่านค่ะ"
น.ส.ลักขณากล่าวว่า ที่ตนพูดว่านายอธึกกิตรับเงินเดือนวอยซ์ทีวี แต่ทำงานให้ก้าวไกล ทุกคนรู้ว่าที่วอยซ์ทีวีใจกว้างขนาดไหน จะเชียร์พรรคก้าวไกลแค่ไหน รับเงินเดือนเราเป็นเรื่องปกติ เพราะเราเป็นสื่อ แต่การที่รับเงินเดือนแล้วใส่ร้าย ดิสเครดิตตลอดเวลา เป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ ถ้าวิพากษ์วิจารณ์กันตามเนื้อผ้าและข้อเท็จจริงตนรับได้ แต่ลดทอนคุณค่ากันและกัน บนข้อมูลที่เป็นเท็จ ตนรับไม่ได้ เมื่อออกไปแล้วก็เห็นว่าไปสัมมนาพรรคก้าวไกล ไปช่วยเป็นที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ก็รู้สึกว่าเป็นพรรคฝั่งประชาธิปไตยด้วยกัน ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว และตนก็ไม่ใช่เจ้าของที่จ่ายเงินเดือนให้ ก็อยู่กันแบบคนมีการศึกษา ที่บอกว่ารับไม่ได้พากันออกไป กลับมาใส่ร้ายป้ายสี หรือต่อให้ไม่ใส่ร้ายป้ายสีตรงไปตรงมา ก็เขียนให้อ่านระหว่างบรรทัดว่าคนพวกนี้ตระบัดสัตย์ทุกวัน 7 เดือนที่ผ่านมา มีวันไหนบ้างที่นายอธึกกิตไม่ใส่ร้ายป้ายสี เขียนด่า หว่านล้อม หรือทำให้เข้าใจผิด
มีสักวันไหมที่ไม่สร้างข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด กลับไปถามใจตัวเอง ให้นายอธึกกิตนั่งนิ่งๆ ให้ตกตะกอน แล้วลองทบทวนทุกโพสต์ในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า เป็นความบริสุทธิ์ใจและความหวังดีต่อประชาธิปไตยจริงหรือไม่ ลองขัดเกลาเอาอคติออก แล้วลองให้เหลือใจแบบเพียวๆ ส่องเข้าไปสะท้อนใจตัวเองว่าหวังดีกับเราจริงอย่างที่เขียนหรือเปล่า วอยซ์ทีวีเป็นสื่อประชาธิปไตย ตนไม่เคยเห็นเจ้าของสื่อที่ไหนจะใจกว้างเท่ากับที่นี่ มีพื้นที่ให้คนมานั่งด่าตัวเองทุกวันตลอดช่วงเวลาที่หาเสียง ไม่เชียร์ไม่ว่า แต่ด่าแบบดิสเครดิตกันผิดๆ ถูกๆ หรือไปรับรองมายาคติที่เป็นวาทกรรมฝ่ายตรงข้าม อวยว่าการเมืองใหม่ การเมืองสะอาด ไม่ซื้อเสียง ไม่คอร์รัปชัน ตนพยายามสู้ด้วยความรู้ แต่พวกคุณสู้ด้วยอคติ สำหรับตนขอใช้คำว่า สู้แบบไม่เป็นลูกผู้ชาย
"แล้วอีกคนหนึ่ง คนนี้มิจฉาชีพ กินนอนอยู่ที่วอยซ์ โทรศัพท์ไม่เคยมี 5G เป็นของตัวเอง ใช้เน็ตฟรี น้ำฟรี ไฟฟรี กินนอนอยู่ที่วอยซ์ จนวันหนึ่งปลื้ม (ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล) ต้องบอกซีอีโอว่าถ้าปล่อยให้คนนี้อยู่ที่วอยซ์ ผมจะให้ชูวัส (ฤกษ์ศิริสุข) เตะมันในรายการ วันนั้นเผาศพพ่อพี่เมฆินทร์ (เพ็ชรพลาย) ซีอีโอวอยซ์ พี่เมบอกว่ารอผมเผาศพพ่อเสร็จก่อนครับ เดี๋ยวผมไปเคลียร์เรื่องนี้ บอกแล้วว่าจะเล่าทุกเรื่อง เพราะตื่นมาตอนเช้า โวยวายเช้า กลางวัน เย็น แล้วพวกเราไม่เป็นอันทำงาน ไม่รู้เป็นอะไร ตื่นมาใส่กางเกงบ็อกเซอร์ แล้วตากผ้าขาวม้าในห้อง บางทีแขกจัดรายการข่าวจบคนไม่จบ เดินผ่านห้องแขกก็โวยวาย คนอยู่ในนี้จะเป็นโรคบ้า แล้วเขาให้ไปจัดรายการต่างจังหวัด เที่ยวไปขอให้นักการเมืองเลี้ยงข้าวแพงๆ ขายขี้หน้ามาก เราต้องยุติรายการนั้น แขกจะบอกให้ ซื้อของกินกลับบ้านอะไรก็ไม่รู้"
"แล้วขอลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทย เขาไม่ให้ลง ขอลง ส.ส.เขตพรรคเพื่อไทย เขาไม่ให้ลง แล้วเราบอกว่าอย่างคุณเหมาะกับพรรคก้าวไกล เขาพูดว่า "ผมไม่มีวันร่วมงานกับพรรคล้มเจ้า" แขกไม่รู้ว่าคนนี้เป็นใครนะ อย่าให้แขกแฉ แล้วอย่าคิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่มีใครรู้ แล้วจะบอกว่าบทสนทนาพวกนี้ ผู้บริหารที่นี่อัดเทปไว้ทุกประโยค เขารอแค่ว่าเขาจะฟ้องคุณวันไหนเท่านั้นแหละ นี่แค่น้ำจิ้ม ... ไม่เคยมีความซื่อสัตย์ แล้วแขกจะเตือน ใครก็ตามที่เอาคนนี้ไปทำงานด้วย ระวัง เราเตือนคุณแล้ว แค่คุณเกลียดเรา คุณเลยจ้างคนนี้ไปทำงาน ระวัง แล้วไม่เห็นเหรอว่าทำไมคนในองค์กรต้องสามัคคีกันเกลียดคนนี้ขนาดนั้น ไม่รู้สึกว่ามันผิดปกติเหรอ"